ท่องเมือง Xela แหล่งรวมบ่อน้ำร้อนเก่าแก่และไม่ปรุงแต่งในกัวเตมาลา

I would rather own little and see the world than own the world and see little of it. – Alexander Sattler 

ในดินแดนแห่งภูเขาไฟ

แผ่นดินอเมริกากลาง (Central America) นอกจากขึ้นชื่อเรื่องกาแฟและโบราณสถานอย่างปิรามิดมายาแล้ว ยังเต็มไปด้วยภูเขาไฟอีกด้วย นักท่องเที่ยวนิยมเดินขึ้นสู่ปากปล่องภูเขาไฟ กิจกรรมอีกอย่างซึ่งทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวชื่นชอบ คือการแช่น้ำแร่ตามน้ำพุร้อนต่าง ๆนั่นเอง 

กัวเตมาลา (Guatemala) คือประเทศหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ มีเมืองหนึ่งซึ่งรายล้อมไปด้วยบ่อน้ำร้อน ชาวบ้านใช้ประโยชน์กันมายาวนาน ในขณะที่นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงมักจะไม่พลาดอาบน้ำแร่กัน เมืองนี้ชื่อว่าเซลา (Xela) 

เซลานั้นเป็นชื่อดั้งเดิม แต่เมื่อสเปนเข้ายึดครองก็จัดการเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่าเก็ทซัลเตนังโก (Quetzaltenango)  คนที่นี่ยังคงเรียกเซลากันติดปากอยู่ดี เมืองนี้ตั้งอยู่บนเขาสูงสองพันกว่าเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ห่างจากเมืองหลวงกัวเตมาลา ซิตี้ (Guatemala City) ประมาณสองร้อยกิโลเมตร รายล้อมไปด้วยป่าสนและป่าดิบชื้น ภูมิทัศน์มองเผินๆ คล้ายยุโรปมาก ชนพื้นเมืองมายาอาศัยอยู่กันมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่อีกราวครึ่งหนึ่งของประชากรเป็นลูกผสมระหว่างคนยุโรปกับคนพื้นเมือง แม้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ แต่คนที่นี่และหมู่บ้านโดยรอบยังพูดภาษาท้องถิ่นในชีวิตประจำวัน

อันที่จริงเมืองนี้ไม่ได้ถึงกับพึ่งพาการท่องเที่ยว ชาวบ้านทำมาค้าขาย ทำการเกษตร เศรษฐกิจท้องถิ่นจึงไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเงินจากคนนอกเท่าไหร่ ต่างจากอันติกัว (Antigua) หรือฟลอเรส (Flores) ซึ่งมีชื่อเสียง ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนมายาวนาน โรงแรม โฮสเทล ร้านค้า ร้านอาหาร บริษัททัวร์ และกิจกรรมอะไรต่อมิอะไรจึงพร้อมสรรพ เซลานั้นแตกต่าง บรรยากาศเป็นแบบเมืองปกติทั่วไปของกัวเตมาลา ใครที่ชอบอะไรไม่ปรุงแต่งมากนักน่าจะชอบเซลา 

การเดินทางไปเซลาทำได้หลายวิธี คนต่างชาติส่วนใหญ่มักเลือกจ่ายแพงกว่า โดยสารรถตู้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ หรือนั่งรถบัสปรับอากาศซึ่งสะดวกสบายกว่า แต่ยังมีวิธีที่จ่ายน้อยกว่าและสนุกกว่า คือการโดยสารรถบัสรุ่นเก่า ฝรั่งเรียกรถชนิดนี้ว่า chicken bus มันเป็นรถรับส่งนักเรียนของสหรัฐอเมริกาที่ปลดระวาง แล้วโละให้ประเทศแถบอเมริกากลางเอามาใช้ต่อ โดยอาจจะทำสีรถเสียใหม่ให้ฉูดฉาดหรือคงสีเหลืองแบบเดิมๆ ไว้

รถประเภทนี้จอดทุกที่ที่ผู้โดยสารโบกเรียกหรือต้องการลงจากรถ ไม่เฉพาะคน แต่สัมภาระพะรุงพะรังในตะกร้าชะลอมจำพวกผักผลไม้ หมูเห็ดเป็ดไก่ก็ขนขึ้นได้ด้วย ใครมีกล่องหรือกระเป๋าขนาดใหญ่สามารถให้คนรถแบกขึ้นหลังคาให้ได้ด้วย คล้ายรถเมล์พัดลมสีส้มสีเขียวของบ้านเราในสมัยก่อน ได้อารมณ์อิรุงตุงนังแต่สนุกสนาน

คนกัวเตมาลาไม่เคอะเขินที่จะนั่งเบียดกับคนที่ไม่ได้รู้จัก พวกเขาชินกับการต้องอัดแน่นประหนึ่งซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศกระป๋อง คันหนึ่งอาจจุคนนับร้อยเป็นเรื่องปกติของรถบัสที่นี่ ผู้โดยสารก็ต้องไว้ใจคนขับมาก ๆด้วย ที่พูดแบบนี้ก็เพราะโชเฟอร์ชำนาญทาง เร่งความเร็วเต็มที่ ต้องหาที่เกาะหรือจับราวเบาะไว้ให้แน่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเข้าโค้ง ดนตรีเปิดผ่านลำโพงคือเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ chicken bus ด้วย ไม่มีคันไหนขับเงียบๆ โดยไร้เสียงเพลง

เรื่องเกี่ยวกับไก่อีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของกัวเตมาลา คือร้านขายไก่ทอด

แม้ไม่ใช่อาหารท้องถิ่นเหมือนทาโคสหรือทามาเลส แต่พวกเขาก็นิยมกินกันอย่างแพร่หลายจนแทบจะต้องยกระดับให้เป็นอาหารประจำชาติอีกเมนู ร้านขายไก่ทอดมีหลากหลายยี่ห้อและดูดีทันสมัยด้วย เช่น Pollolandia แปลตรงตัวหมายถึงดินแดนแห่งไก่ (pollo เป็นคำภาษาสเปน อ่านว่าโปโย) หรือ Pollo Campestre อีกเจ้าคือ Don Pollo ส่วน Pollo Campero นั้นดูดีมีระดับกว่าใครอื่น แน่นอนว่ามี KFC เข้ามาตีตลาดบ้าง แต่ส่วนตัวเห็นว่ารสชาติสู้ไก่ทอดตำรับอเมริกากลางไม่ได้เลย

ของทอดอีกอย่างที่คนแถบนี้ชื่นชอบ คือเครื่องในทอดและหมูกรอบ เรียกว่าชิชารอน (chicharron) ชั่งขายกันเป็นปอนด์ (หรือครึ่งปอนด์ก็ได้) หนึ่งปอนด์หนักเกือบครึ่งกิโลกรัม เหมาะเอาไปทำกะเพราหมูกรอบมาก แม่ค้าประเทศนี้ชำนาญการทอดให้กรอบนอกนุ่มใน  ใบกะเพราอาจจะหาซื้อยากหน่อย แต่โหระพาขายกันทั่วไปในตลาดสด ถ้าคิดถึงเมนูนี้ก็อาจเปลี่ยนมาทำโหระพาหมูกรอบแทนก็ไม่เลว

น้ำแร่ร้อนจะเยียวยาทุกอย่าง

ภายในเมืองเซลามีสิ่งธรรมดาสามัญให้เดินเล่นชมชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน คนนั่งพักกันตามสวนสาธารณะ คนขายไอศกรีมเข็นรถเข็นพร้อมตะโกนขายของ ใครต่อใครเร่เดินขายของกระจุกกระจิก อีกมุมหนึ่งชายพร้อมโทรโข่งพูดผ่านเครื่องขยายเสียงพกพา พยายามบอกเล่าเรื่องราวของพระเจ้าและการไถ่บาป อีกฝั่งถนนมีรถบัสจอดรอผู้โดยสาร ส่วนลานกลางเมืองเก่าก็เหมาะนั่งเล่นสังเกตอากัปกิริยาผู้คนเช่นกัน ที่นี่มีฝูงนกพิราบรอให้คนซื้ออาหารถุงเพื่อโปรยให้พวกมันมาจิกกิน ตลาดและท่ารถเป็นสถานที่สนุกและฟรีสำหรับกิจกรรม people watching เช่นกัน รถรา สินค้าประดามี และเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดที่คนสวมใส่ทำให้มองดูได้อย่างเพลิดเพลิน

ชมเมืองจุใจแล้ว ก็หากิจกรรมกลางแจ้งประเภทเดินบ้าง ใกล้หน่อยก็ขึ้นเนินเหนือเมืองไปตามถนนแคบชัน ได้เห็นวิวเมืองสวย ๆ หากอยากทดสอบกำลังขามากกว่านั้นก็เดินขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟทรงปิรามิดสมมาตร ซึ่งมีให้เลือกหลายลูก ติดต่อโฮสเทลหรือโรงแรมเพื่อให้เขาช่วยหาไกด์นำทางน่าจะดีกว่าพยายามไปเอง ด้วยเหตุผลของความปลอดภัยเป็นหลัก โอกาสโดนปล้นจี้แทบไม่มี แต่อันตรายในแง่ทางชันและอาจจะหลงทางแล้วเจอสภาพอากาศเลวร้ายมากกว่า ระหว่างทางผ่านเรือกสวนไร่นา ชาวบ้านง่วนกับการปลูกพืชผักหรือกำลังเก็บผลผลิตเพื่อนำไปสู่ตลาด สินค้าทางการเกษตรในละแวกนี้นอกจากขายในประเทศแล้ว ยังส่งออกไปยังประเทศข้างเคียงอย่างเอลซัลวาดอร์ (El Salvador) อีกด้วย ในแง่คุณภาพชีวิตแล้วนับว่าอยู่ในระดับสมบูรณ์พูนสุขเลยทีเดียว ยิ่งเดินสูงขึ้นยิ่งเจอเมฆหมอก จนในที่สุดไร้เงาผู้คนบ้านเรือน การเดินเขาแถบนี้อาจจะต้องวัดดวงเอา ถ้าฟ้าเปิดก็ได้เห็นวิวว้าว แต่ถ้าหมอกหนาก็อาจได้เซ็งกันบ้าง 

ที่ชวนผ่อนคลายจากทั้งความปวดเมื่อยและช่วยคลายความตึงเครียดได้ในเวลาเดียวกัน ดีทั้งต่อกายและดีต่อใจ ก็คือการไปแช่น้ำแร่ร้อนธรรมชาติอันมีอยู่มากมายเหลือคณานับ

ใกล้สุดและห่างจากตัวเมืองเพียงสามกิโลเมตร แต่ต้องเดินขึ้นเขา ไม่ก็จับแท็กซี่หรืออูเบอร์ไป คือ Los Vahos ซึ่งไม่เชิงว่าเป็นบ่อน้ำร้อน แต่เป็นห้องอบซาวน่าซึ่งต่อท่อนำไอร้อนจากใต้พิภพเข้ามาสู่ห้องอบที่มีทั้งแบบส่วนรวมและส่วนตัว หากไม่อยากเดิน สามารถเลือกไปที่หมู่บ้านอัลโมโลงกา (Almolonga) หรือซูนิล (Zunil) โดยจับรถบัสท้องถิ่น สองหมู่บ้านนี้มีโรงอาบน้ำและอบตัวมากมายหลายเจ้าให้เลือก บางแห่งมีสระว่ายน้ำร้อนด้วย ส่วนบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่ขึ้นชื่อมาก คือน้ำพุร้อน Aguas Amargas และ Fuentes Georginas สองแห่งนี้ไปยากหน่อยถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะอยู่นอกเส้นทางรถโดยสาร แต่ถ้าได้ไปรับรองว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

อากาศหนาว ฝนพรำ ได้ลงไปแช่ออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติ กล้ามเนื้อตึงขมึงค่อยๆ คลาย จิตใจก็สบายด้วย ไม่มีอะไรเปรมไปกว่านี้แล้ว   

AUTHOR