ขึ้นเขาไปสูดอากาศหนาว ดู ‘หิมะไต้หวัน’ ของดีที่แม้แต่คนไต้หวันบางคนก็ยังไม่เคยดู

หิมะไต้หวัน a day

ปีแรกที่เรามาไต้หวันตรงกับปี 2017 ฤดูหนาวปีนั้นหนาวเป็นพิเศษ

เกริ่นมาเหมือนจะเป็นบทนำนิยาย จริงๆ ไม่ใช่หรอก ไม่รู้ว่าที่เรารู้สึกหนาวกว่าปกติในปีแรกส่วนหนึ่งเพราะยังไม่ชินกับอากาศหนาวของไต้หวันที่ทั้งหนาวทั้งชื้นหรือเปล่า อีกส่วนคือหอพักของเราตอนนั้นอยู่บนภูเขา จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่อุณหภูมิประมาณ 6-8 องศาเซลเซียสติดกันหลายวัน แต่ความรู้สึกจริงจะอยู่ที่ 3-5 องศาฯ เพราะความชื้นจากฝนที่ตกแทบจะตลอดเวลา ชื้นจนเราเคยวางเสื้อผ้าแห้งที่เพิ่งออกจากเครื่องอบใหม่ๆ เตรียมไว้ใส่วันถัดไป พอตื่นเช้ามามันก็ชื้นนิดหน่อยแล้ว

หิมะไต้หวัน

พอถึงวันสิ้นปีที่ผ่านมา พยากรณ์อากาศประกาศล่วงหน้าว่าอยู่ๆ อากาศจะหนาวลงกะทันหันจากวันก่อนหน้าที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10 กว่าองศาฯ ก็จะลดฮวบเหลือเป็นตัวเลขหลักเดียว เราเลยตัดสินใจว่าปีนี้จะไม่ออกไปดูพลุที่ไทเป 101 แต่ขอห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนโซฟาที่บ้านก็พอแล้ว

ตามปกติแม้ในเขตเมืองของไต้หวันจะไม่มีหิมะตก แต่ทุกฤดูหนาวก็จะมีรายงานข่าวหิมะตกตามเขตภูเขาสูง เช่น หยางหมิงซาน เหอหวนซาน อวี้ซาน ฯลฯ (จะมีก็ปี 2016 ที่ไทเปหนาวที่สุดในรอบ 44 ปี และมีคนเห็นหิมะตกผสมกับฝนปรอย เสียดายที่เรามาสายไปหนึ่งปีเลยไม่ทันเห็น) เราได้ยินและได้เห็นภาพหิมะบนเขาในข่าวมาทุกปีจนกระทั่งปีนี้ที่ตัดสินใจไปดูหิมะไต้หวันให้เห็นด้วยตาตัวเองสักที

ช่วงที่มีข่าวหิมะตกตรงกับสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม มีข่าวคนไต้หวันพากันขึ้นเขาไปชมหิมะตั้งแต่ประมาณวันศุกร์ เราเองก็เห็นเพื่อนรอบข้างไปดูหิมะที่อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานในไทเปบ้าง ป่าไท่ผิงซานในอี๋หลานบ้าง ทีแรกก็คิดว่าจะไปหยางหมิงซานเพราะอยู่ใกล้ๆ แต่สุดท้ายก็เลือกไปภูเขาเหอหวนซานที่ดูมีหิมะเยอะกว่า เพราะไหนๆ จะไปแล้วก็ขอดูให้หนำใจ

เราเดินทางออกจากไทเปช่วงเย็นของวันเสาร์ ถึงเมืองหนานโถวช่วงหัวค่ำ คืนนั้นต้องรีบนอนเพราะตามแผนคือต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อออกเดินทางประมาณ 6 โมงเช้า เพราะถ้าออกสายสิ่งที่จะต้องเจอแน่ๆ คือรถติด และบนเขตยอดเขาก็จำกัดจำนวนคน ต้องรอให้คนข้างบนลงมาก่อนถึงจะปล่อยให้คนที่มาใหม่ขับขึ้นไปได้ อีกอย่างคือรถทุกคันที่จะขึ้นไปบนนั้นได้ต้องมีโซ่พันล้อรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซึ่งในไต้หวันที่ไม่ได้มีหิมะตกในเมือง คนส่วนใหญ่ถ้าจะใช้ทีหนึ่งก็จะเช่าเอา ฉะนั้นก่อนจะขึ้นเขาไปได้เราก็ต้องไปต่อคิวเช่าโซ่นี้ก่อนด้วย

กว่าจะถึงร้านเช่าโซ่ก็เป็นเวลา 7 โมงเช้าพอดี โชคดีที่ตรงนั้นเป็นเหมือนจุดพักรถกลายๆ มีปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อสาขาใหญ่ ระหว่างรอเราเลยสามารถหลบความหนาวเข้าไปนั่งดื่มอะไรร้อนๆ ในนั้นก่อน พอ 8 โมงกว่าๆ ก็ถึงคิวรับโซ่เลยได้เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

ก่อนจะถึงเขตหิมะของเหอหวนซาน เราขับผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังคือฟาร์มแกะชิงจิ้งที่ยังไม่เคยพาตัวเองไปสักทีจนกระทั่งวันนั้นเพราะคิดมาตลอดว่าตัวเองเคยไปฟาร์มแกะสวนผึ้งมาแล้ว เลยชิงจิ้งขึ้นไปหน่อยจะมีจุดแวะพักรถอีกที่ ถึงตรงนี้มีรถหลายคันที่จอดใส่โซ่กันแม้จะยังไม่เข้าเขตหิมะ เรากับเพื่อนร่วมเดินทางก็เลยเอาบ้างแลกกับการนั่งรถโยกเยกเพราะใส่โซ่แต่ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะพอพ้นตรงนี้ไปสักหน่อยจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจว่าคันไหนยังไม่ใส่โซ่ก็ต้องจอดใส่ตรงนั้นเลย

ขับขึ้นไปอีกไม่นานทิวทัศน์รอบข้างก็เริ่มแปลกตา เราเริ่มเห็นน้ำแข็งเกาะตามจุดต่างๆ ก่อนจะเริ่มเห็นหิมะบนยอดไม้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่มีหิมะแล้วจริงๆ ก็ได้เป็นภาพแปลกตา ด้านหนึ่งของเราเต็มไปด้วยหิมะ แต่พอหันหน้ามองไปอีกด้านก็ยังเป็นไต้หวันที่เขียวขจีอยู่เหมือนอย่างทุกวัน

โชคดีที่เราออกเดินทางแต่เช้าทำให้แทบไม่เจอรถติดเลยจนกระทั่งใกล้จะถึงจุดสูงสุดที่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่คอยปล่อยรถอยู่อีกจุดเพื่อควบคุมไม่ให้มีจำนวนรถและคนขึ้นไปพร้อมกันมากเกินไป รออยู่ไม่ถึงชั่วโมงเราก็ได้ขึ้นไปสมใจ ส่วนขากลับลงมาตอนเที่ยงกว่าๆ ปรากฏว่ามีรถคันอื่นๆ มาเพิ่ม หางแถวยาวกว่าขาขึ้นของเราหลายเท่า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องรอกันนานแค่ไหน

จุดที่เราและนักท่องเที่ยวอีกหลายคนขึ้นไปชมหิมะเรียกว่าอู๋หลิ่ง (武嶺) สูง 3,275 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตามปกติก็เป็นจุดชมวิวสำคัญของเหอหวนซานอยู่แล้ว พอมีหิมะนักท่องเที่ยวก็ยิ่งเยอะขึ้นไปอีก เราโชคดีที่วันที่ขึ้นไปมีแดดและฟ้าเปิดทำให้เห็นวิวได้ถนัด เพราะถ้าเป็นหนึ่งวันก่อนหน้าหรือวันถัดมา ข่าวบอกว่าแม้จะมีหิมะแต่ก็มีหมอกลงจัดจนแทบมองไม่เห็นวิวได้ไกลๆ อย่างที่เราเห็น

หิมะไต้หวัน

ทีแรกเราก็นึกอยู่ว่าแปลกไหมนะ อยู่ไต้หวันมาตั้งหลายปีเพิ่งจะได้เห็นหิมะ แต่หลังจากลงรูปถ่ายบนโซเชียลฯ ของตัวเองแล้วก็มีเพื่อนชาวไต้หวันมาคอมเมนต์ว่า “เธอโชคดีจัง ขนาดคนไต้หวันหลายคนยังไม่เคยเห็นหิมะในไต้หวันเลยนะ” แสดงว่ามันก็ไม่แปลกหรอก หิมะไต้หวันคงไม่ใช่อะไรที่จะเห็นกันได้ง่ายๆ นั่นแหละ เพราะฉะนั้นเราเลยเก็บภาพมาฝากกันด้วย 

ขึ้นปีที่ 4 ที่เราอยู่ไต้หวันตรงกับปี 2021 ฤดูหนาวปีนี้เป็นฤดูหนาวในไต้หวันที่สนุกเป็นพิเศษ 

กว่าจะถึงร้านเช่าโซ่ก็เป็นเวลา 7 โมงเช้าพอดี โชคดีที่ตรงนั้นเป็นเหมือนจุดพักรถกลายๆ มีปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อสาขาใหญ่ ระหว่างรอเราเลยสามารถหลบความหนาวเข้าไปนั่งดื่มอะไรร้อนๆ ในนั้นก่อน พอ 8 โมงกว่าๆ ก็ถึงคิวรับโซ่เลยได้เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
ก่อนจะถึงเขตหิมะของเหอหวนซาน เราขับผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังคือฟาร์มแกะชิงจิ้งที่เราก็ยังไม่เคยพาตัวเองไปสักทีจนกระทั่งวันนั้นเพราะคิดมาตลอดว่าตัวเองเคยไปฟาร์มแกะสวนผึ้งมาแล้ว เลยชิงจิ้งขึ้นไปหน่อยจะมีจุดแวะพักรถอีกที่ ถึงตรงนี้มีรถหลายคันที่จอดใส่โซ่กันแม้จะยังไม่เข้าเขตหิมะ เรากับเพื่อนร่วมเดินทางก็เลยเอาบ้างแลกกับการนั่งรถโยกเยกเพราะใส่โซ่แต่ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะพอพ้นตรงนี้ไปสักหน่อยจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจว่าคันไหนยังไม่ใส่โซ่ก็ต้องจอดใส่ตรงนั้นเลย
ขับขึ้นไปอีกไม่นานทิวทัศน์รอบข้างก็เริ่มแปลกตา เราเริ่มเห็นน้ำแข็งเกาะตามจุดต่างๆ ก่อนจะเริ่มเห็นหิมะบนยอดไม้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่มีหิมะแล้วจริงๆ ก็ได้เป็นภาพแปลกตา ด้านหนึ่งของเราเต็มไปด้วยหิมะ แต่พอหันหน้ามองไปอีกด้านหนึ่งก็ยังเป็นไต้หวันที่เขียวขจีอยู่เหมือนอย่างทุกวัน
โชคดีที่เราออกเดินทางแต่เช้าทำให้แทบไม่เจอรถติดเลยจนกระทั่งใกล้จะถึงจุดสูงสุดที่จะสามารถขับรถขึ้นไปได้ ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่คอยปล่อยรถอยู่อีกจุดเพื่อควบคุมไม่ให้มีจำนวนรถและคนขึ้นไปพร้อมกันมากเกินไป รออยู่ไม่ถึงชั่วโมงเราก็ได้ขึ้นไปสมใจ ส่วนขากลับลงมาตอนเที่ยงกว่าๆ ปรากฏว่ามีรถคันอื่นๆ มาเพิ่ม หางแถวยาวกว่าขาขึ้นของเราหลายเท่า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องรอกันนานแค่ไหน
จุดที่เราและนักท่องเที่ยวอีกหลายคนขึ้นไปชมหิมะเรียกว่าอู๋หลิ่ง (武嶺) สูง 3275 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตามปกติก็เป็นจุดชมวิวสำคัญของเหอหวนซานอยู่แล้ว พอมีหิมะนักท่องเที่ยวก็ยิ่งเยอะขึ้นไปด้วย เราโชคดีที่วันที่ขึ้นไปมีแดด ฟ้าเปิดทำให้เห็นวิวได้ถนัด เพราะถ้าเป็นหนึ่งวันก่อนหน้าหรือวันถัดมา ข่าวบอกว่าแม้จะมีหิมะ แต่ก็มีหมอกลงจัดจนแทบมองไม่เห็นวิวได้ไกลๆ อย่างที่เราเห็น
ทีแรกเราก็นึกอยู่ว่าแปลกไหมนะ อยู่ไต้หวันมาตั้งหลายปีเพิ่งจะได้เห็นหิมะแต่หลังจากลงรูปถ่ายบนโซเชียลของตัวเองแล้วก็มีเพื่อนชาวไต้หวันมาคอมเมนต์ว่า “เธอโชคดีจัง ขนาดคนไต้หวันหลายคนยังไม่เคยเห็นหิมะในไต้หวันเลยนะ” แสดงว่ามันก็ไม่แปลกหรอก หิมะไต้หวันคงไม่ใช่อะไรที่จะเห็นกันได้ง่ายๆ นั่นแหละเพราะฉะนั้นเราเลยเก็บภาพมาฝากกันด้วย 
ขึ้นปีที่ 4 ที่เราอยู่ไต้หวันตรงกับปี 2021 ฤดูหนาวปีนี้เป็นฤดูหนาวในไต้หวันที่สนุกเป็นพิเศษ
เกริ่นมาเหมือนจะเป็นบทนำนิยาย จริงๆ ไม่ใช่หรอก ไม่รู้ว่าที่เรารู้สึกหนาวกว่าปกติในปีแรกส่วนหนึ่งเพราะยังไม่ชินกับอากาศหนาวของไต้หวันที่ทั้งหนาวทั้งชื้นหรือเปล่า อีกส่วนคือหอพักของเราตอนนั้นอยู่บนภูเขา จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่อุณหภูมิประมาณ 6-8 องศาเซลเซียสติดกันหลายวัน แต่ความรู้สึกจริงจะอยู่ที่ 3-5 องศาฯ เพราะความชื้นจากฝนที่ตกแทบจะตลอดเวลา ชื้นจนเราเคยวางเสื้อผ้าแห้งที่เพิ่งออกจากเครื่องอบใหม่ๆ เตรียมไว้ใส่วันถัดไป พอตื่นเช้ามามันก็ชื้นนิดหน่อยแล้ว
พอถึงวันสิ้นปีที่ผ่านมา พยากรณ์อากาศประกาศล่วงหน้าว่าอยู่ๆ อากาศจะหนาวลงกะทันหันจากวันก่อนหน้าที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10 กว่าองศาฯ ก็จะลดฮวบเหลือเป็นตัวเลขหลักเดียว เราเลยตัดสินใจว่าปีนี้จะไม่ออกไปดูพลุที่ไทเป 101 แต่ขอห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนโซฟาที่บ้านก็พอแล้ว
ขับขึ้นไปอีกไม่นานทิวทัศน์รอบข้างก็เริ่มแปลกตา เราเริ่มเห็นน้ำแข็งเกาะตามจุดต่างๆ ก่อนจะเริ่มเห็นหิมะบนยอดไม้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดที่มีหิมะแล้วจริงๆ ก็ได้เป็นภาพแปลกตา ด้านหนึ่งของเราเต็มไปด้วยหิมะ แต่พอหันหน้ามองไปอีกด้านก็ยังเป็นไต้หวันที่เขียวขจีอยู่เหมือนอย่างทุกวัน
โชคดีที่เราออกเดินทางแต่เช้าทำให้แทบไม่เจอรถติดเลยจนกระทั่งใกล้จะถึงจุดสูงสุดที่สามารถขับรถขึ้นไปได้ ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่คอยปล่อยรถอยู่อีกจุดเพื่อควบคุมไม่ให้มีจำนวนรถและคนขึ้นไปพร้อมกันมากเกินไป รออยู่ไม่ถึงชั่วโมงเราก็ได้ขึ้นไปสมใจ ส่วนขากลับลงมาตอนเที่ยงกว่าๆ ปรากฏว่ามีรถคันอื่นๆ มาเพิ่ม หางแถวยาวกว่าขาขึ้นของเราหลายเท่า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องรอกันนานแค่ไหน
จุดที่เราและนักท่องเที่ยวอีกหลายคนขึ้นไปชมหิมะเรียกว่าอู๋หลิ่ง (武嶺) สูง 3,275 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตามปกติก็เป็นจุดชมวิวสำคัญของเหอหวนซานอยู่แล้ว พอมีหิมะนักท่องเที่ยวก็ยิ่งเยอะขึ้นไปอีก เราโชคดีที่วันที่ขึ้นไปมีแดดและฟ้าเปิดทำให้เห็นวิวได้ถนัด เพราะถ้าเป็นหนึ่งวันก่อนหน้าหรือวันถัดมา ข่าวบอกว่าแม้จะมีหิมะแต่ก็มีหมอกลงจัดจนแทบมองไม่เห็นวิวได้ไกลๆ อย่างที่เราเห็น

AUTHOR