‘กล่องที่มีแสงจากแสงโสม’ เมื่องานศิลปะเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้กับทุกคน

การที่แบรนด์ผลิตผลงาน Collaboration ร่วมกับศิลปินนั้นถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารความคิดบางอย่างไปยังผู้บริโภคได้สนุกและน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นแบรนด์ที่ต้องการชูประเด็นเกี่ยวกับงานอาร์ต วิธีนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ในหลายๆ ทาง 

สำหรับแบรนด์อย่างแสงโสมนั้น ในทุกๆ ปีจะยังคงคอนเซ็ปต์สนับสนุนศิลปินไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายพื้นที่ศิลปะให้ออกมานอกแกลเลอรีและไปถึงคนในวงกว้างกว่าเดิม ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของแบรนด์ ก็มีทั้งดีไซน์บนผลิตภัณฑ์ไปจนถึงงานเฟสติวัลมากมาย ทั้งนี้ก็เพราะแสงโสมอยากให้งานอาร์ตเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ทุกคน 

กล่องที่มีแสง อาร์ตได้แม้ในที่มืด

ในปีนี้แสงโสมอาร์ตเล่นใหญ่กว่าเดิมในทุกมิติ สำหรับแคมเปญ SangSom Collection ให้แฟนๆ ได้สะสม ภายใต้ชื่อ ‘กล่องที่มีแสงจากแสงโสม’ ART PACK NEW DESIGN ที่มีความพิเศษตรงที่โลโก้แสงจันทร์บนกล่องสามารถส่องสว่างได้ในที่มืด

เปิดไฟก็อาร์ต ปิดไฟก็อาร์ต

คืนพระจันทร์เต็มดวงในมุมมองของ 2 ศิลปิน SUNTUR และ JARB

สิ่งที่ทำให้แคมเปญ ‘กล่องที่มีแสงจากแสงโสม’ มีความพิเศษอย่างยิ่ง คือการได้ 2 ศิลปินรุ่นใหม่ขวัญใจคน Gen Z อย่าง SUNTUR และ JARB มาร่วมกันตีความออกมาเป็นลายเส้น โดยมีแกนหลักอยู่ที่แสงจันทร์จากโลโก้ของแสงโสม กระทั่งออกมาเป็นผลงาน 4 กล่อง 4 คอนเซ็ปต์

4 กล่อง 4 คอนเซ็ปต์

สำหรับ SUNTUR นั้น ลวดลายแพ็กเกจจิ้ง 2 แบบของเขา หนึ่งนั้นมาในโทนสีอบอุ่น เป็นรูปผู้ชายกำลังเผชิญหน้ากับกระต่ายตัวโต เบื้องหลังที่เป็นท้องฟ้าสีสดใส 

กับอีกแบบหนึ่งมาในโทนสีเย็น ภาพของชายหญิงคู่หนึ่งนั่งหันหลัง มองออกไปยังท้องฟ้าที่มีพระจันทร์ส่องสว่าง จุดสังเกตคือทั้งคู่มีหูเป็นกระต่าย 

SUNTUR เล่าถึงคอนเซ็ปต์ของงานชิ้นนี้ว่า โจทย์ที่ได้รับจากแสงโสมคือคีย์เวิร์ด ‘พระจันทร์’ และ ‘กระต่าย’ ที่วาดออกมาในสไตล์ของ SUNTUR เขาจึงนำไอเดียจากภาพหนึ่งในงานนิทรรศการ TAKE YOUR TIME ของเขา ชื่อภาพว่า No rabbit on the moon และออกแบบแพ็คเกจที่เล่าเรื่องต่อจากภาพนั้น

“ทั้ง 2 ภาพ มีชื่อเดียวกันครับ คือ No need to go to the moon เป็นภาพต่อมาจาก ภาพใน Exhibition ของผมเองครับ (No rabbit on the moon) โดยคอนเซ็ปต์ที่ทำให้แสงโสม คือ บางครั้งความสุขมันอยู่ใกล้ตัวเรา ไม่จำเป็นต้องออกไปหาที่ไหนไกลตัว บางครั้งการอยู่กับคนใกล้ตัว ได้พูดคุยกัน ก็อาจจะเป็นความสุขง่ายๆ โดยที่ผมเปรียบเทียบว่า กระต่ายก็คือความสุขที่เราตามหา”

SUNTUR
No need to go to the moon ออกแบบโดย SUNTUR

ส่วนผลงานของ JARB นั้น คงความสนุกในแบบ City Pop ทั้งสองแบบมาในโทนสีแดงอบอุ่นและโทนเย็นของกลางคืนสีน้ำเงิน เช่นกันกับเจ้ากระต่าย 3 ตัวที่ดูเหมือนจะกำลังเฉลิมฉลองอะไรบางอย่าง เห็นได้จากการมีหูฟังและเครื่องเล่นเทิร์นเทเบิล

เราลองมาฟังเบื้องหลังแนวคิดในการออกแบบของ JARB ภายใต้โจทย์ พระจันทร์และกระต่าย กันบ้าง

“ปกติผมจะชอบงานที่เป็นรูปปั้นอยู่แล้ว เลยตีความเป็นรูปปั้นกระต่าย 3 ตัวที่เคยวาดมาก่อน พอมาเจอพระจันทร์เต็มดวง กระต่ายรูปปั้นทั้งสามก็มีชีวิตขึ้นมา เหมือนได้ออกมาพักผ่อน มา celebrate อยู่ใต้แสงจันทร์นี้ เป็นคอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า No one can resist this moonlight คือไม่มีใครต้านแสงของพระจันทร์ได้ เจอแล้วมีความเบิกบาน สดชื่น โดยมีสองแบบ คือ Warm Night เล่าเรื่องค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงในเมือง กับ Cold Night เป็นเรื่องพระจันทร์เต็มดวงริมทะเลสาบ” 

JARB กับผลงานในคอนเซ็ปต์ No one can resist this moonlight

‘โสมแสง มันคืออะไร’ เพลงจังหวะโจ๊ะๆ เนื้อเพลงปั่นๆ จาก แน็ก ชาลี 

พิเศษไปอีก เมื่อแคมเปญนี้ได้นักแสดงสุดปั่นอย่าง แน็ก ชาลี มาทำเพลงให้ ซึ่งก็ออกมาสนุกสะท้อนคาแรกเตอร์ของตัวเขา พร้อมกับเนื้อเพลงที่มีการคาดเดามากมายว่า ‘โสมแสง’ ในกล่องคืออะไรกันแน่ โดย MV เพลงนี้จะมีทั้งเนื้อเพลงและภาพคำใบ้ผ่านรูกลางกล่อง งานนี้ได้ทีมศิลปินไทยที่ทำ Animation และ Illustration สุดเจ๋งจาก Hyphen & Slash มาร่วมใส่พลังอาร์ตแบบไม่ยั้ง อย่าลืมไปชม MV กันด้วย 

แน็ก ชาลี กับเพลงปั่นๆ ‘โสมแสง มันคืออะไร’

กล่องที่มีแสงจากแสงโสม งาน Collaboration ระหว่างแสงโสมกับศิลปินรุ่นใหม่มีสไตล์อย่าง SUNTUR และ JARB ภายใต้แคมเปญ SangSom Collection พร้อมเป็นงานศิลปะให้ทุกคนได้สะสม ทั้ง 4 กล่อง 4 คอนเซ็ปต์ ตอกย้ำความตั้งใจของแสงโสมที่อยากให้งานอาร์ตเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้กับทุกคน 

กล่องที่มีแสงจากแสงโสม ยังมีของรอเซอร์ไพรส์อีกมากมาย แต่ความอาร์ตที่รออยู่จะเป็นอะไร สามารถติดตามกันได้ที่ www.facebook.com/SangSomExperienceTH #กล่องที่มีแสงจากแสงโสม #SangSom 

AUTHOR