Merry Eco Christmas! เทรนด์การเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขสไตล์รักษ์โลก

Highlights

  • แม้คริสต์มาสจะขึ้นชื่อว่าเป็นการเฉลิมฉลองที่อู้ฟู่ (และบางครั้งก็สิ้นเปลือง) สุดๆ ทั้งอาหารการกินที่ต้องพรั่งพร้อม อุปกรณ์ตกแต่งอลังการ หรือกล่องของขวัญที่ห่อกระดาษและติดโบว์สีสันสวยงาม แต่ทุกวันนี้เราก็ปรับให้เทศกาลแห่งความสุขนี้เป็นมิตรต่อโลกได้เช่นกัน
  • ตามไปดูโปรเจกต์ต่างๆ ที่ทำให้คริสต์มาสนั้นรักษ์โลกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสต์มาสจากถุงพลาสติกใช้แล้ว ต้นคริสต์มาสพร้อมเครื่องฟอกอากาศ หรือกล่องดนตรีมือหมุน

ช่วง 2-3 ปีมานี้ เราจะเห็นเทรนด์การเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลที่เปลี่ยนไปไม่น้อย ผู้คนเริ่มหันมาแคร์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปยังช่วงเทศกาลด้วย ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการมอบของขวัญจากของใช้เป็นต้นไม้ เปลี่ยนการห่อของขวัญจากกระดาษเป็นผืนผ้า เปลี่ยนการมอบกระเช้าที่ใช้แล้วทิ้งเป็นกล่องที่แข็งแรงเพื่อให้คนรับสามารถนำไปใช้ต่อได้เรื่อยๆ

หรืออย่างช่วงคริสต์มาสเอง เทรนด์การตกแต่งก็เริ่มเปลี่ยนไป อย่างในต่างประเทศเริ่มมีการแบนการตัดต้นคริสต์มาสจากพื้นที่ป่ามาประดับบ้านเรือน สนับสนุนให้หันมาใช้วัสดุทดแทนในการประดิษฐ์ต้นคริสต์มาส และสนับสนุนให้นำกลับมาใช้ในปีต่อๆ ไปแทนการซื้อใหม่ปีต่อไป

อย่างกลุ่มศิลปินสเปน Luzinterruptus ที่รังสรรค์ต้นคริสต์มาสโดยทำจากถุงพลาสติกใช้แล้วนับพันใบ รวมถึงนำถุงพลาสติกหลากสีไปประดับประดาเป็นโคมไฟแขวนตลอดทางเดินที่เมืองเดอร์แฮม ประเทศอังกฤษ โดยไม่ต้องหาวัสดุใหม่ แถมยังสร้างความตระหนักเรื่องขยะพลาสติกในช่วงเทศกาลไปด้วยในตัว

credit: inhabitat.org

หรือต้นคริสต์มาสของเมืองเคานาส ประเทศลิทัวเนีย ก็ทำมาจากขวดพลาสติกบรรจุน้ำอัดลมหลายหมื่นขวดที่กินหมดแล้วมาประกอบกันเป็นต้นคริสต์มาสเขียวชอุ่มกระจายทั่วเมือง เมื่อหมดหน้าเทศกาลก็สามารถนำไปส่งโรงงานรีไซเคิลได้เลย เพราะคัดแยกมาเสร็จสรรพตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส

credit: visit.kaunas.ltenkaunasticchristmas-season-in-kaunas2018-mark-your-calendars

น่าดีใจที่กระแสอีโค่คริสต์มาสเดินทางมาถึงประเทศไทย พักหลังมานี้เราจึงเริ่มได้เห็นต้นคริสต์มาสกระดาษหรือต้นที่ทำมาจากวัสดุทดแทนอื่นๆ อย่างต้นคริสต์มาสที่หน้าลาน สยามดิสคัฟเวอรี่ที่เป็นใบกังหันสีขาวนับพันใบก็ทำมาจากวัสดุทดแทน อย่างอ้อย ข้าวโพด และมันสำปะหลัง แทนวัสดุย่อยสลายยากอย่างพลาสติก

เราขอพาไปสำรวจให้ใกล้ชิดอีกนิดว่า เจ้าต้นคริสต์มาสที่ตั้งอยู่กลางลานห้างแห่งนี้มีที่มาที่ไปของการจัดคริสต์มาสแบบอีโค่ยังไง

ปลายปีนี้เราอยากชวนคุณมาเติมรอยยิ้มในช่วงเทศกาลแห่งความสุขในงาน Siam Discovery The Magical Eco Playground Celebration  2020 ณ ลานสยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ที่ปีนี้เนรมิตให้กลายเป็นธีมสวนสนุกแห่งเวทมนตร์ นอกจากจะเป็นจุดที่น่าหอบลูกจูงหลานและคนในครอบครัวมาเดินเล่นด้วยกันแล้ว งานนี้ยังตั้งเป้าเป็นจุดฉลองเทศกาลคริสต์มาสแบบอีโค่ โดยไม่ใช้หน้าจอหรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า แต่ใช้วิธีเพิ่มกิมมิกของเล่นมือหมุนสุดคลาสสิกเข้ามาให้ทุกคนได้ร่วมเคลื่อนไหวร่างกาย ขยับแข้งขยับขา และใช้พลังงานจากตัวเรานี่แหละในการขับเคลื่อนของเล่นต่างๆ ในงาน

กลางลานเด่นตระหง่านด้วยกล่องดนตรีอีโค่ขนาดยักษ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานกลจากมือคนหมุน ใกล้ๆ กันมีกิจกรรมสุดสนุกให้ร่วมเล่นได้แบบฟรีๆ ทั้งกิจกรรมปั่นจักรยานที่ได้ปั่นน้ำผลไม้และสายไหมไปด้วยในตัว เป็น special treat ที่ทำให้คนมางานได้ออกกำลังกายให้พอเหงื่อซึมก่อนรับของหวานกลับบ้านไป

นอกจากนี้ยังมีต้นคริสต์มาสกังหันลมขนาดยักษ์ที่ช่วยดักฝุ่น PM2.5 ไปด้วยในตัว แถมยังมีป๊อปอัพสเปซสุดอีโค่จาก Ecotopia ที่คุณสามารถเลือกซื้อของขวัญของฝากแบบไม่ทำร้ายโลกอีกด้วย

รับรองว่างานนี้น่าจะช่วยให้คริสต์มาสของคุณมีสีสันขึ้นอีกเป็นกองเลยล่ะ

Clean Air Eco Christmas Tree

จะดีแค่ไหนถ้าต้นคริสต์มาสไม่ใช่แค่ต้นไม้พลาสติกที่หมดงานแล้วก็เก็บเข้ากรุไป แต่สามารถกรองอากาศกลางแจ้งและช่วยลดฝุ่นพิษ PM2.5 ได้

ปีนี้สยามดิสคัฟเวอรี่ขนทัพกังหนลมนับพันใบที่ทำจากอ้อย ข้าวโพด และมันสำปะหลัง มาประดับต้นคริสต์มาสแทนวัสดุย่อยสลายยากอย่างพลาสติก แถมตรงฐานต้นคริสต์มาสก็ติดตั้งเครื่องกรองอากาศถึง 4 เครื่อง เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยมีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์รวม 5,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง โดยการทำงานภายในเครื่องจะใช้เทคโนโลยีการตกตะกอนเชิงไฟฟ้าสถิต โดยเครื่องปล่อยประจุบวกไปจับฝุ่นละอองดูดเข้ามาเก็บที่ฐานต้นคริสต์มาส คุณจึงสามารถสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด พร้อมกับได้ฉลองคริสต์มาสกลางแจ้งแบบไร้ฝุ่นละออง

เมื่อหมดช่วงคริสต์มาสก็ไม่ต้องกังวลว่าต้นคริสต์มาสกังหันยักษ์นี้จะถูกถอดไปทิ้ง เพราะทางห้างมีแผนจะมอบเวียนให้แก่มหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อนำเครื่องกรองอากาศและตัวโครงสร้างต้นคริสต์มาสไปใช้ได้ต่อ

Giant Eco Music Box

ใครมาเดินงานนี้ต้องไม่พลาดกล่องดนตรียักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานสยามดิสคัฟเวอรี่ เพราะเจ้ากล่องดนตรีนี้เล่นด้วยการหมุนจากแรงคน โดยมีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงส่วนหนึ่ง จึงเท่ากับอาศัยพลังงานแบบไฮบริดจากไฟฟ้าและแรงคนหมุน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานกว่าเครื่องเล่นทั่วไป

ภายในกล่องดนตรียักษ์ก็ยังมีกล่องดนตรีย่อยๆ อีก 4 มุมที่มีสไตล์เพลงแตกต่างกันไป คนมาร่วมงานสามารถเลือกหมุนฟังเพลงที่ชอบได้ทั้ง 4 กล่อง ซึ่งแต่ละมุมมีการประดับแตกต่างกันออกไป ทั้งมุมกวางเรนเดียร์ มุมกล่องของขวัญ มุมปล่องไฟ และมุมภูตตัวน้อยๆ ให้เลือกหมุนเพลงได้ตามใจและถ่ายรูปกับมุมที่ชอบ

ตรงนี้เลยเป็นมุมยอดฮิตที่มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาถ่ายรูปตลอด เพราะการตกแต่งสุดน่ารักราวกับหลุดไปอยู่ในโลกของเทพนิยาย และมีเบื้องหลังเป็นเสียงกรุ๋งกริ๋งจากกล่องเพลงที่บรรเลงขับกล่อมให้ลานสยามดิสคัฟเวอรี่อบอวลไปด้วยบรรยากาศของคริสต์มาส

Bike n’ Blend

ใกล้ๆ กับโซนกล่องดนตรียักษ์คือโซนจักรยานปั่นน้ำผลไม้ ที่จะได้ดื่มก็ต่อเมื่อออกแรงปั่นด้วยตัวเอง

จักรยานที่ดูเหมือนเครื่องออกกำลังกายนี้ได้คะแนนความสนใจไปไม่น้อย เพราะความน่าสนใจคือนอกจากคนมาร่วมเล่นจะได้น้ำผลไม้เย็นชื่นใจแล้ว ยังได้ออกกำลังกายเรียกความกระฉับกระเฉงอีกด้วย โดยกลไกการทำงานของจักรยานนี้คือ ล้อหน้าจะไปหมุนแกนเฟืองของเครื่องปั่นน้ำผลไม้ทำให้ใบมีดในเครื่องหมุนตามไปด้วย ใบมีดก็จะไปปั่นน้ำแข็งกับน้ำผลไม้ไม่ต่างจากเครื่องปั่นทั่วๆ ไป แต่ต่างตรงที่เครื่อง Bike n’ Blend ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า แต่อาศัยพลังงานจากกล้ามขาของคุณล้วนๆ

ใครที่คอแห้งกระหายน้ำก็สามารถสวมวิญญาณสิงห์นักปั่น (น้ำผลไม้) ได้ที่มุมนี้แบบฟรีๆ

Bike Cotton Candy

โซนนี้เหมาะกับคนรักของหวานที่อยากจะหวนรำลึกถึงบรรยากาศในวัยเยาว์อย่าง ‘ขนมสายไหม’

แน่นอนว่าจักรยานปั่นสายไหมยังคงคอนเซปต์ไม่ต่างกับจักรยานปั่นน้ำผลไม้ ที่อยากให้คุณออกแรงปั่นๆๆ จนกว่าจะเหงื่อซึม จึงจะได้ขนมสายไหมเป็น special treat

หลักการง่ายๆ ของเครื่องปั่นสายไหมคือ เราต้องปั่นจักรยานให้เกิดแรงเสียดสีเพื่อให้มอเตอร์เกิดความร้อน จากนั้นก็ใส่น้ำตาลลงไปตรงแกนกลาง พอมอเตอร์เกิดความร้อนรูเล็กๆ ข้างแกนวางน้ำตาลจะเป็นตัวเหวี่ยงน้ำตาลให้กระจายออกเป็นเส้นไหม ใบพัดเป็นตัววิดเส้นไหมขึ้นแบบพายุ เครื่องนี้จึงอาศัยพลังงานกลจากขาคนปั่นให้มอเตอร์ทำงานแทนที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

เจ้าสายไหมก้อนฟูจึงเป็นรางวัลของความพยายาม พร้อมกับสอดแทรกให้ผู้คนเห็นว่าการประหยัดพลังงานเป็นเรื่องใกล้ตัว

Eco Is Magic by Ecotopia

ส่วนใครที่เดินเล่นตรงลานสวนสนุกแห่งเวทมนตร์จนเต็มอิ่มแล้ว อยากจะหาของขวัญติดไม้ติดมือไปฝากคนที่รักในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ เราขอแนะนำข้าวของสุดอีโค่ในป๊อปอัพสเปซจาก Ecotopia ที่คัดสรรสินค้ารักษ์โลกมาไว้ให้คุณที่ชั้น G ด้านที่เชื่อมกับลานสยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม

สเปซนี้พิเศษตรงที่โครงสร้างทั้งหมดจะนำกลับไปใช้ใหม่อีกโดยไม่มีส่วนไหนต้องทิ้ง ของตกแต่งด้านบนสเปซนี้ล้วนทำมาจากกระดาษ ไม่ว่าจะเป็นภูตจิ๋วหรือกล่องดนตรีสามมิติด้านบน เมื่อหมดงานก็สามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ ส่วนหลังคาก็ทำมาจากขวดน้ำพลาสติกซึ่งวางอัดเรียงกันเพื่อช่วยรับน้ำหนัก ส่วนโครงเหล็กก็ถอดประกอบไปใช้ในงานอื่นๆ ของสยามดิสคัฟเวอรี่ได้

ในสเปซสุดอีโค่นี้มีบริการห่อของขวัญแบบไม่ใช้กระดาษ แต่ใช้เป็นผ้าฟุโรชิกิที่สามารถนำไปใช้ต่อได้ และสามารถสกรีนคำอวยพรต่างๆ ด้วยหมึกพิมพ์แบบอีโค่ที่สกัดมาจากวัสดุธรรมชาติ สามารถสกรีนได้ทั้งผ้าห่อของขวัญฟุโรชิกิและเสื้อผ้าทุกชิ้นในสเปซนี้

ถ้าไม่รู้ว่ามาที่นี่แล้วจะเลือกซื้อของขวัญของฝากชิ้นไหนดี เราขอแนะนำไอเทมรักษ์โลกสำหรับมือใหม่หัวใจอีโค่ให้ได้เลือกช้อปฝากคนที่รักหรือจะมอบเป็นของขวัญให้ตัวเองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสสุดอีโค่นี้ด้วยก็ได้

‘Light My Fire’ จุดไฟให้หัวใจคนอีโค่

เราขอแนะนำเซตอุปกรณ์ปิกนิกสุดอีโค่จากแบรนด์สวีเดนอย่าง Light My Fire ที่หลายคนน่าจะรู้จักจากแท่งจุดไฟอันโด่งดังที่ใช้งานง่ายทุกสภาพอากาศ แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านการอยู่รอด (survival experts) อย่าง Light My Fire หันมาผลิตอุปกรณ์ปิกนิกทั้งทีคงมีอะไรไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นทั้งกล่องข้าวแบบพกพา แก้วน้ำ หลอด ช้อนส้อมที่เป็นมีดหั่นในอันเดียว ล้วนทำจากพลาสติกแบบ biobased ที่ผลิตจากกากใยธัญพืช ขยะการเกษตร ซึ่งนำมาขึ้นรูปและผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบรรจุอาหารที่การันตีว่าปลอดภัย ไร้สารปนเปื้อน พกพาง่าย น้ำหนักเบา แถมยังย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเมื่อสิ้นอายุการใช้งาน

รับรองว่าของขวัญเซตอุปกรณ์ปิกนิกสุดอีโค่นี้น่าจะถูกใจผู้รับที่เป็นมือใหม่หัวใจอีโค่ เพราะสามารถใช้ได้ทุกวัน หรือจะพกไปออกค่ายค้างแรมก็ได้ แถมยังได้จับคู่สีกล่องข้าว แก้วน้ำ และช้อนส้อมได้แบบสนุกสุดๆ

ออกกำลังกายก็อีโค่ได้ด้วยสปอร์ตแวร์รักษ์โลก

ช่วง 2-3 ปีมานี้คุณอาจจะเคยเห็นเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยพลาสติกรีไซเคิลบ้างแล้ว เราขอแนะนำให้คุณรู้จักเพิ่มอีกแบรนด์คือ Houdini Sportswear แบรนด์เสื้อผ้าที่ใช้วัสดุรีไซเคิลและสามารถย่อยสลายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมยังมีแบบให้เลือกหลากหลายทั้งเสื้อกันหนาว แจ็กเก็ตกันลมกันฝน เสื้อวิ่ง กางเกงขาสั้นสำหรับออกกำลังกาย

เส้นใยของ Houdini Sportswear ทำมาจากเสื้อผ้าที่ใช้แล้วและขวดน้ำพลาสติก PET ทำให้มีน้ำหนักเบา ทนทาน ระบายอากาศได้ดี มีฟังก์ชั่นกันแดด กันลม กันฝนได้ดีในเกือบทุกรุ่น จึงเหมาะสำหรับการใส่ในชีวิตประจำวันและเหมาะกับการผจญภัยสำหรับขาลุย

หากใครกำลังมองหาสปอร์ตแวร์ดีๆ ที่จะช่วยปกป้องร่างกายขณะออกกำลังกายและมีส่วนช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมเสื้อผ้า Houdini Sportswear น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สายสปอร์ตที่แคร์สิ่งแวดล้อม

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก