ดื่มด่ำธรรมชาติที่ Bangkok Backyard จุดกางเต็นท์ริมขอบกรุงเทพฯ ที่สะดวกไม่แพ้สวนหลังบ้าน

Bangkok Backyardมันเป็นบ่ายวันหนึ่งของต้นเดือนมิถุนายนที่ท้องฟ้าฟ้าจัดอย่างแทบไร้ความขาวของมวลหมู่เมฆเจือปน ความสดใสของฟากฟ้ามาพร้อมกับความแรงของแสงอาทิตย์Bangkok Backyard

การไปแคมป์ปิ้งช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะ มันเป็นหน้าฝนที่ฝนตกไม่ขาด แถมแดดยังเจ็บจัดจ้าน อีกทั้งคนไม่ค่อยไปไหนมาไหนกัน เมืองเงียบ คนเหงา บรรยากาศอุดอู้อย่างต่อเนื่อง คนอยู่ไม่ติดที่อย่างเราอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมติดต่อกันเป็นเวลานานจนเริ่มทะลุจุดอิ่มตัว แต่เอาเถอะ มันต้องมีแหละ บรรยากาศธรรมชาติสักที่ที่จะตอบโจทย์และเป็นที่พักใจให้ได้บ้าง

ด้วยความที่อะไรๆ ไม่ค่อยเอื้ออำนวย การเดินทางข้ามจังหวัดมีข้อจำกัดในหลายพื้นที่ เราจึงมองหาที่หย่อนใจภายในกรุงเทพฯ แบบไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไปจนมาลงเอยที่ Bangkok Backyard จุดกลางเต็นท์ที่มีบึงไมตรีจิตโอบล้อม

Bangkok Backyard
Bangkok Backyard

ต่อให้ที่นี่จะยังอยู่ในเขตแดนของเมืองหลวง คลองสามวาก็นับว่าห่างไกลจากรัศมีความคุ้นเคยของเราพอสมควร แต่พอได้ New CT125 สีใหม่ Safari Green รถมอเตอร์ไซค์ที่เกิดมาสำหรับคนรักกิจกรรมเอาต์ดอร์ ที่พร้อมลุยทั้งฟังก์ชั่นและหน้าตาพาเราไปยังปลายทางเราก็อุ่นใจ แถมยังมีแร็กท้ายขนาดใหญ่จุใจใส่ของที่เตรียมไว้ได้อย่างสบาย 

เรามุ่งหน้าไปทางลำลูกกาผ่านบรรยากาศหลากหลาย เจอรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน ลัดเลาะไปบนสะพานยกสูงข้ามลำคลอง ขนาบข้างมีท้องนา ขี่ผ่านถนนขรุขระเป็นหลุมบ่อที่คาดว่าเกิดจากรถใหญ่วิ่งผ่านมาก อีกทั้งบางจุดก็มีการก่อสร้าง แต่ตลอดเส้นทางเพราะท่อที่ยกสูงและมี Crash Bar โครงเหล็กกันกระแทก รถคันนี้เลยพาเราไปได้อย่างไร้กังวล

Bangkok Backyard

ใกล้ครบชั่วโมงป้ายเข้าเขตคลองสามวาก็ปรากฏตัว บริเวณโดยรอบเป็นชุมชนมุสลิม จีพีเอสบอกว่าเราเข้าใกล้จุดหมายแม้จะยังไม่เห็นวี่แวว หากไม่ใช่เพราะเห็นรูปมาก่อนบ้างเราคงจินตนาการไม่ออกว่า Bangkok Backyard จะมีหน้าตายังไง และถ้าไม่ใช่ว่าตั้งใจมาคงเดาไม่ได้มีลานกางเต็นท์ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้

เราจองจุดกางเต็นท์ไว้ล่วงหน้า พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ออกมาต้อนรับ ทักทายกันเสร็จได้ใจความว่าในค่ำคืนนี้มีเพียงเราและแคมเปอร์อีกกลุ่มเท่านั้นจึงเลียบเคียงดูว่าเป็นไปได้ไหมหากอยากเลือกจุดกางเต็นท์ใหม่อีกครั้งเมื่อเห็นของจริง เจ้าหน้าที่ก็ไฟเขียวให้ไร้ปัญหา ลานกางเต็นท์ที่นี่เป็นลานหญ้าเรียบ แซมด้วยต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเติบโต เข้าใจว่าที่แห่งนี้ออกแบบมาเพื่อกิจกรรมนี้โดยเฉพาะจึงค่อนข้างวางใจได้ว่าสภาพพื้นดินจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งเต็นท์และการนอน 

Bangkok Backyard

จุดกางเต็นท์ที่นี่แทบทุกจุดสามารถดื่มด่ำพระอาทิตย์ตกได้ทั้งนั้นแต่จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างตรงที่ฝั่งหนึ่งจะเห็นคุ้งน้ำกว้างกว่า ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งบางจุดมีระเบียงให้นั่งชิลและใกล้ห้องน้ำมากกว่า แต่ก็ไกลพอที่จะไม่รบกวนความเป็นส่วนตัว จุดกางเต็นท์ของเราอยู่ในโซนหลัง เมื่อเลือกจุดได้แล้วเราเร่งขนของออกจากแร็กและลงมือกางเต็นท์ทันที ตั้งใจว่าจะใช้เวลาดื่มด่ำช่วงเย็นและพลบค่ำให้เต็มที่ ท้องฟ้า พระอาทิตย์ตก และลมดีๆ คือไฮไลต์ที่จินตนาการไว้ว่าจะมารอสัมผัส จะว่าไปพอมี New CT125 สีใหม่ Safari Green มาจอดใกล้ๆ นอกจากจะพาเราลุยมาถึงนี่ได้อย่างสนุกและปลอดภัยแล้วก็ยังเป็นอีกหนึ่งพร็อพที่เข้ากับบรรยากาศได้อย่างสุดกลมกลืน

และแล้วก็ไม่มีอะไรผิดความคาดหวังแถมยังเหนือความคาดหมาย ถึงตอนกางเต็นท์จะต้องสู้รบปรบมือกับลมพัดตึงอยู่บ้างแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เมื่อที่นอนพร้อม เราก็จัดมุมวางโต๊ะเก้าอี้ หยิบหนังสือที่ดองไว้มาอ่านต่อได้ราวบทกว่าๆ สลับกับการเหม่อมองดูผู้คนเล่นกีฬาทางน้ำอยู่ไกลๆ ที่บึงมิตรไมตรีมีจุดให้บริการทั้งเรือคายัก ซัปบอร์ด และมารู้ภายหลังว่ามี Lift eFoil หรือเซิร์ฟบอร์ดไฟฟ้าด้วย เสียดายถ้ารู้ก่อนคงอยากลองเล่นดูสักครั้ง

Bangkok Backyard

รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี จากที่ฟ้าเป็นฟ้าก็เริ่มมีเหลืองมีชมพูเข้ามาแต้มแต่ง ความสวยของท้องฟ้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนท้องฟ้าแต่ยังแผ่กระจายสีชวนฝันสะท้อนสู่ผิวน้ำด้วย ส่วนท้องเราก็เริ่มร้องทักจึงลุกไปเตรียมอาหารเย็น เพราะเรื่องกินเรื่องใหญ่เราวางแผนเรื่องนี้มาจริงจังจึงพกเตาแก๊สพกพากับชุดกระทะสนาม และมีเตาย่างติดมาด้วย ด้านวัตถุดิบเรามาพร้อมกับเนื้อหมัก ผัก เนื้อน่องลายสไลด์บาง ส่วนข้าวเราเตรียมแบบที่หุงสำเร็จมาจากบ้าน ไม่แน่ใจว่าอาหารในแคมป์ของคนอื่นเป็นแบบไหน มีสูตรสำเร็จกันไหม แต่มื้อค่ำของเรามาในธีมเคลียร์ตู้เย็นจึงออกมาเป็นกับข้าวสองจาน ได้แก่เนื้อย่างเสิร์ฟคู่กับกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ส่วนอีกจานเป็นลาบเนื้อน่องลายที่นึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบพริกมา จึงแวะอุดหนุนร้านค้าในชุมชนระหว่างทาง

ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยเรากลับมานั่งผ่อนคลายอีกครั้ง กินอาหารเย็น เปิดเพลย์ลิสต์โปรดคลอโดยมีแสงสุดท้ายอยู่เป็นเพื่อนจนจบมื้อ จริงๆ แล้วการทำอาหารทุลักทุเลอยู่หน่อยตรงที่เราพกเตาแก๊สมา แต่ลมดันพัดแรงอย่างต่อเนื่องจนต้องหาอะไรมาบัง ทั้งที่จริงไฟฟ้าที่นี่มีพร้อม เพียงแค่เตาไฟฟ้าเครื่องเดียวอะไรๆ คงง่ายกว่านี้

ความสะดวกสบายแต่ก็ยังรักษาบรรยากาศการพักผ่อนในธรรมชาตินี่แหละที่เป็นจุดเด่นของการตั้งแคมป์ที่นี่ นอกจากจะมีจุดจ่ายไฟฟ้ารองรับทุกจุดกางเต็นท์แล้ว น้ำแข็งก็มีเตรียมไว้ให้ อ่างล้างจานจัดสรรเป็นสัดเป็นส่วน หากหิวหรือมองหากับแกล้มกลางดึกก็จัดการได้เพราะมีตู้ขนมหยอดเหรียญตั้งอยู่ เรื่องห้องน้ำก็อยู่ในสภาพที่ปลดทุกข์ได้จริงแบบไม่เป็นอุปสรรคต่อการพักผ่อนแต่อย่างใด ส่วนเครื่องอาบน้ำก็มีให้ครบทั้งสบู่ แชมพู และเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ต้องพกอะไรมาให้มากมาย

หลังจากล้างจานและอาบน้ำเสร็จ กลุ่มดาวก็ออกมาทักทายจนแทบลืมไปเลยว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้แหงนมองฟ้าตอนกลางคืน แสงดาวที่นี่เฉิดฉายคงเพราะไม่มีแสงไฟให้แข่งมากเหมือนกับในเมือง ไม่ผิดหวังเลยสักนิดที่มาในวันฟ้าโปร่ง 

แต่เมื่อเข้าเต็นท์เท่านั้นแหละถึงนึกขึ้นได้ว่าความสดใสสวยงามของท้องฟ้ามีราคาที่ต้องแลก คืนนั้นอากาศค่อนข้างร้อนและนิ่ง ไม่แน่ใจว่าลมเมื่อหัวค่ำสงบลงแล้วหรือเพียงแค่ไม่อยากแวะเวียนผ่านเข้ามาทักทายกันในเต็นท์ โชคดีที่ได้ลมจากพัดลมที่ทาง Bangkok Backyard จัดเตรียมไว้ให้ เรากล่อมตัวเองจนผล็อยหลับพร้อมกับการจินตนาการถึงการนอนเต็นท์ในวันฝนโปรย มันน่าจะเย็นสบายไปอีกแบบ ว่าแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่ตอนวางแผนมาดูพยากรณ์อากาศเป็นที่เรียบร้อย ตั้งใจเลือกวันปลอดฝน แต่เอาเข้าจริงๆ กลับคิดถึงฝนซะอย่างงั้น 

ยังไม่ทันเจ็ดโมงดีรู้ตัวอีกทีก็ลืมตาตื่นแล้ว ใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการต่อสู้กับที่นอนก่อนจะพาตัวเองไปรับอากาศบริสุทธิ์ได้สำเร็จ เย็นวานมัวแต่ง่วนกับการกางเต็นท์และจัดเตรียมข้าวของ เราจึงถือฤกษ์งามยามดีที่ตื่นเช้าเดินสำรวจพื้นที่จริงจังสักยกก่อนจะกลับมาพักที่จุดกางเต็นท์ของตัวเองอีกครั้ง นั่งมองริ้วน้ำที่สรรค์สร้างโดยสายลม จ้องนกสีดำหางเหมือนปลาที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้กลางน้ำหรือ ‘นกแซงแซวหางปลา’ ตามที่กูเกิลบอก อ๋อใช่ ลืมบอกไปว่าที่นี่คือแคมป์ที่มี WiFi ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ถ้างานกับทริปพักผ่อนแยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ การมาเวิร์กฟรอมแคมป์ก็ไม่ใช่ไอเดียที่แย่เลย

แสงแดดเริ่มทักทาย ร่างกายเริ่มเรียกหาคาเฟอีน เราตั้งเตาอีกครั้ง (และต่อสู้กับลมอีกครั้ง) เพื่อต้มกาแฟ Moka Pot นานๆ ทีจะหยิบเครื่องต้มกาแฟเครื่องนี้ขึ้นมาใช้สักครั้ง มันสะดวกสำหรับวันแบบนี้ตรงที่พกมาเครื่องเดียวจบไม่ต้องหยิบอุปกรณ์มามากชิ้นเหมือนการดริป สำหรับเรา Moka Pot คือเครื่องทำกาแฟสโลว์บาร์ที่ต้องอาศัยความอดทนพอสมควรเพราะกว่าแรงดันไอน้ำจะได้ที่จนสกัดออกมาเป็นกาแฟนั้นใช้เวลา เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน ได้แต่แง้มดูเป็นพักๆ และรอคอยฟังเสียงฟู่ที่เป็นสัญญาณว่ากาแฟพร้อมแล้ว ยิ่งไฟไม่เสถียรยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีก คนใจร้อนอย่างเราจะลุ้นทุกที แต่พออยู่ในบรรยากาศที่ไม่ได้รีบร้อนอะไร นั่งมองนกตัวเดิมที่อยู่นิ่งกับที่ ดูใบไม้พริ้วไหว ผ่านไปแป๊บๆ ก็ได้ที่ 

Bangkok Backyard

เราใช้เวลาช่วงสุดท้ายของทริปนี้ไปกับการนั่งจิบกาแฟหอมๆ ริมน้ำจนตื่นเต็มตา พอดีกับที่แสงแดดเร่งความเข้มข้นจึงได้เวลาถอนสมอ หากใครอยากใช้เวลาอยู่ที่นี่นานกว่านี้ หรืออยากอยู่ที่นี่ทั้งวันแนะนำให้เลือกจุดกางเต็นท์พื้นที่ 02 จุดนี้มีต้นฉำฉาใหญ่ทำหน้าที่ให้ร่มเงาตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์บังแดดใดๆ เพิ่มเติม จะมีก็แต่หากฝนตกอาจต้องระวังกิ่งไม้อยู่บ้าง หากเราได้ออกเที่ยวกับ New CT125 ครั้งหน้าและกลับมาที่นี่อีก จุดกางเต็นท์ใต้ร่มฉำฉานี้จะเป็นจุดที่เราไม่ยอมพลาด

เคลียร์พื้นที่เสร็จสิ้น เราเก็บของแพ็กกลับท้ายรถ ทิ้งไว้เพียงความเหนื่อยล้า การได้ออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมแม้เพียงสั้นๆ แต่พอได้พักผ่อน ได้ลุย ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติต่างส่งแรงพลังให้เราไปต่อได้อีก

Bangkok Backyard

ขากลับเราตั้งใจขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปเรื่อยๆ แบบไม่เปิดจีพีเอส พอจำทางจับทิศได้อยู่บ้างและไม่ได้รีบร้อนอะไร ถือโอกาสสำรวจเมืองไปในตัว เจออะไรน่าสนใจก็แวะ และใช่ เราจำทางได้ไม่เป๊ะหรอก แต่ต่อให้ออกนอกเส้นทางบ้างจะเป็นไรไป ถือเป็นกำไรของนักเดินทาง

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์

ชีวิตต้องมีสีสัน