อย่าชินกับปัญหา อย่าทำก่อนคิด อย่าเป็นคนที่เราไม่ชอบ ปีนี้สอนให้รู้ว่าจากทางบ้าน

อย่าชินกับปัญหา อย่าทำก่อนคิด อย่าเป็นคนที่เราไม่ชอบ ปีนี้สอนให้รู้ว่าจากทางบ้าน

Highlights

  • ‘ปีนี้สอนให้รู้ว่า’ คือซีรีส์บทสัมภาษณ์ส่งท้ายปีว่าด้วยบทเรียนสำคัญจากปี 2020 อันแสนหฤโหดของผู้คนจากหลากหลายแวดวง ทั้งนักดนตรี ผู้กำกับ แกนนำม็อบ นักร้องนักแสดง หรือแม้กระทั่งคนทำโรงแรม
  • นอกจากนี้เรายังได้ชวนผู้อ่านจากทางบ้านมาแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จากปี 2020 ซึ่งหลังจากคัดเลือกกันอยู่นาน เราก็ได้ 3 เรื่องราวสุดท้ายที่น่าสนใจและอยากส่งต่อให้กับทุกคน

Thichakorn Hongrat

ปีนี้สอนให้เรารู้ว่า หนึ่ง–นอกจากเงินและเวลาแล้ว ‘ความอดทน’ ก็เป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งที่ต้องบริหารให้ดีเช่นกันโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนแบบนี้ ในปีที่มีเรื่องให้เราเซอร์ไพรส์ทุกวัน

เรื่องหนักๆ เกิดขึ้นนานๆ ครั้งก็คงไม่เป็นไร แต่พอความถี่เกิดขึ้นชนิดวันต่อวัน (เผลอๆ เป็นชั่วโมงต่อชั่วโมง) แล้วเราไม่บาลานซ์ความอดทนให้ดี ทุกสิ่งอย่างมันก็จะถาโถม trauma เราจนใช้ชีวิตต่อไม่ได้ จนกลายเป็นว่า ทุกครั้งที่มีเรื่องให้เราเครียดมากๆ เราจะบอกกับตัวเองว่า “เผื่อใจไว้หน่อย เดี๋ยวมีเรื่องให้เครียดอีก” อาจจะฟังดูหดหู่ แต่ช่วยได้เยอะเลย 

พอเราบาลานซ์ได้แล้ว จิตใจมันก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูสมรรถภาพความอดทนให้เป็นภูมิต้านทานไว้สู้กับความไม่แน่นอนในวันต่อๆ ไปเอง

 

สอง–Live your life at your own pace.

รู้สึกช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเป็นช่วงที่คำว่า ‘productivity’ ถูกนำมาพูดจนมีนัยสำคัญ เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่พยายามว่ายตามให้ทันกระแสของโลกที่เชี่ยวกรากนี้อยู่จึงเลี่ยงไม่ได้เลยที่เราจะเอาตัวเองไปเทียบกับคนรอบตัวเราที่เก่งๆ พอเราเทียบบ่อยๆ เข้ามันก็ท้อ พอเราพยายามจะวิ่งตามให้ทัน รู้ตัวอีกทีเขาก็วิ่งไปไกลแล้ว แถมเราก็ยังล้าอีก 

จนจุดหนึ่งเราเริ่มกลับมามองที่ตัวเองก็เห็นว่า จริงๆ แล้ว เราก็พัฒนาตัวเองมาไกลมากๆ แล้วเหมือนกัน เพียงแต่เราไปยึดโยงกับคนอื่นจนเราไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ปัจจุบันเลยพยายามใช้ชีวิตในแบบสปีดของตัวเอง สปีดในแบบที่เรามีความสุขที่สุด

เราค้นพบว่า การทำตัวไม่มีประโยชน์บางครั้งมันก็มีประโยชน์ เราเริ่มเข้าใจว่าเขามี pace ชีวิตของเขา เราเองก็มี pace ชีวิตของเรา พอโลกมันมีสิ่งที่เรียกว่าโควิดเข้ามา ทุกคนล้วนต้องอยู่บ้าน โลกแห่งการแข่งพุ่งไปข้างหน้าก็ต้องถูกชะลอลง หลายคนไม่อยากทิ้งเวลาให้สูญเปล่า จึงเลือกที่จะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฝึกอัพสกิลต่างๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น 

แต่สิ่งหนึ่งที่เราพยายามลองทำเพิ่มคือการทำให้เวลาว่างมันว่างจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักบอกว่าเราต้องใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่พอเราลองอยู่เฉยๆ แล้วมันช่วยเราหลายอย่าง โดยเฉพาะการจัดระเบียบความคิดในสมอง

พอมันเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เราได้มีเวลาคิดใคร่ครวญอะไรบางอย่างที่เราอาจจะหลงลืมไปแล้ว คล้ายกับว่าได้ลองนั่งไทม์แมชชีนในหัวตัวเอง ซึ่งนั่นดีมากๆ จนเราอยากเชียร์ทุกคนว่า ถ้าจะมีสักครั้งในชีวิต ลองใช้เวลาว่างให้ไม่เป็นประโยชน์กันดูนะ

 

สาม–ความชินไม่ใช่เรื่องปกติและกับความผิดปกติ เราไม่ควรชินกับมัน

เรามองว่านี่คือปีแห่งการตั้งคำถาม ปีแห่งการหยิบยกเรื่องหลายเรื่องที่ถูกมองข้ามกลับมาให้เห็นอีกครั้ง เป็นปีแห่งการทบทวนกับตัวเองว่า ‘เราโอเคกับสิ่งนี้จริงๆ ใช่ไหม’ หรือ ‘เรื่องแบบนี้มันถูกต้องแล้วจริงๆ ใช่ไหม’ 

เป็นปีที่คำว่า ‘เพศ’ ‘การศึกษา’ ‘การเมือง’ และอีกหลายเรื่อง คือเรื่องที่สามารถตั้งคำถามได้ ทบทวน และพูดคุยได้อย่างตรงไปตรงมา คงเป็นเพราะปีนี้สอนให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าการแก้ปัญหาคือ การฝืนทนอยู่กับปัญหาหรือการถูกทำให้ชินกับปัญหามากกว่า


นางสาวเอ (นามสมมติ)

ใครจะรู้ว่าจากสภาวะโรคระบาดที่ทั้งโลกเผชิญกันอยู่จะมีผลกระทบกับชีวิตมากมายขนาดนี้

การงานที่เคยมั่นคง อยู่ในบริษัทที่เคยรวยที่สุดในโลก มันจะสั่นคลอนได้ขนาดนี้ บริษัทเริ่มกดดันให้พนักงานทำงานมากขึ้นแต่ไม่มีเงินเดือนขึ้น ขณะที่เพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานด้วยกันในต่างประเทศก็โดนให้ลาออกเยอะมาก งานจากคนกลุ่มนี้ก็ถูกแบ่งมาให้พวกเราที่กรุงเทพฯ เพราะค่าแรงถูกกว่า

ปีที่ผ่านมามีม็อบเกิดขึ้นมากมาย เราเองเข้าร่วมหลายครั้งมาก เพราะทนกับรัฐบาลและความพังที่เพื่อนร่วมชาติต้องประสบพบเจอไม่ได้ จนมาวันหนึ่งม็อบมาที่หน้าสถานทูตเยอรมันและแกนนำม็อบต้องการคนช่วยอ่านแถลงการณ์ภาษาเยอรมัน เราซึ่งทำงานอยู่แถวนั้นอยู่แล้วเลยวิ่งลงไปอาสาช่วยอ่านให้

จากนั้นก็มีข่าวว่าเขาจะเริ่มตามจับคนที่อ่านแถลงการณ์ในวันนั้น สุดท้ายตำรวจก็หาเราเจอทั้งๆ ที่วันนั้นเราปิดหน้า อำพรางตัวเต็มที่ สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่าตำรวจไทยเก่งกว่าที่เราคิด แต่เขาจะจับเฉพาะคนที่เขาอยากจับ นี่คือความเลวร้ายของกระบวนการยุติธรรมไทย

ใครจะคิดว่าแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นเพียงไม่กี่นาทีจะทำให้หญิงไทยวัย 38 ปี ต้องมีชีวิตที่พลิกผันขนาดนี้

การโดนคดี 112 ผนวกกับ 116 ทำให้เราต้องแบกรับความเครียดที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนมากมาย ทั้งกลัวว่าจะโดนเข้าคุกและตกงาน กังวลว่าครอบครัวจะโดนคุกคาม เรายอมรับว่าวันนั้นเรานึกถึงผลกระทบที่จะตามมาน้อยมาก คิดแค่ว่าอยากช่วยน้องๆ แกนนำ แต่เมื่อเราไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขอะไรได้ ก็ได้แต่คิดทบทวนและย้ำกับตัวเองว่า เราจะต้องคิดให้ดีก่อนทำอะไรเสมอ ต้องคิดว่าเราสามารถจ่ายกับราคาเดิมพันที่สูงขนาดนี้ได้หรือไม่

แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ไม่เสียใจเลยที่เราทำไป มันกลับยิ่งทำให้เรากระจ่างมากกว่าเดิม และทำให้จุดยืนเราหนักแน่นกว่าเดิม อยากจะร่วมสู้ไปกับทุกคนเหมือนเดิม

จากเหตุการณ์หน้าสถานทูต เราได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ และคนรอบข้างมากมาย ทำให้ตระหนักได้ว่าใครคือคนสำคัญในชีวิตของเราและควรเก็บเขาไว้ในชีวิตให้ดี เพื่อนคนที่ชวนเราไปอ่านแถลงการณ์ในวันนั้นหายไปจากชีวิตเราเลยทั้งที่ก่อนหน้านี้เราคุยกันอยู่เป็นประจำ

เราไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากเขาหรอก เพราะการไปอ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเป็นสิ่งที่เราตัดสินใจจะทำเอง แต่สิ่งที่เราอยากได้มากที่สุดคือกำลังใจ เพราะเราก็รู้อยู่ว่าเราสู้อยู่กับอะไรและเราคงจะทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ 

ทุกวันนี้เราอยู่ได้เพราะกำลังใจจากคนรอบข้างล้วนๆ ถึงแม้ที่ผ่านมาพ่อแม่จะไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นทางการเมืองของเรา แต่สุดท้ายเราก็คือลูก เขาพร้อมที่จะอยู่ข้างเราเสมอ เพื่อนสนิทลางานมาเป็นกำลังใจให้หน้าสถานีตำรวจทุกครั้งที่โดนตำรวจเรียกพบ หรือแม้กระทั่งมวลชนที่อยู่เป็นกำลังใจหน้าสถานีตำรวจ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่าเราควรจะเก็บใครไว้ในชีวิตของเราบ้าง

จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดในชีวิตเมื่อปีที่แล้ว เราได้ตระหนักว่าการใช้ชีวิตอยู่บนความไม่แน่นอนในประเทศนี้มีราคาสูงมาก เราควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังกว่านี้ (ถ้าเรายังไม่พร้อมจะรับความเสี่ยง) อีกอย่างคือเราควรตั้งใจเก็บเงินให้มากกว่าเดิม เพราะเรากำลังอยู่ในประเทศที่ไม่มีสวัสดิการใดๆ ที่เราควรได้รับเลย หรือแม้กระทั่งการจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ต้องใช้เงินมากมาย ดังนั้นการเก็บเงินและการวางแผนทางการเงินก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง

ปี 2020 ที่ผ่านมาสอนอะไรเราเยอะมากจริงๆ และสุดท้ายนี้เราขอให้ปี 2021 ไม่ทำร้ายพวกเราไปมากกว่านี้


Wasuntara Sananwai

Everything happens for the best (reason)

เชื่อเสมอว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมักจะดีเสมอและแม้ว่าจะล้มเหลว ชีวิตโคตรแย่แค่ไหน มันจะมอบบทเรียนให้เราเพื่อเติบโตไปอย่างมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น 

 

Childhood vs Adulthood 

เด็กมีความกล้า อยากลอง ยิ้มง่ายจัง แต่เราในวัยที่กำลังเป็นผู้ใหญ่ก็มีประสบการณ์ที่เด็กไม่มี (โลกกว้างเหมือนการเปิดหนังสืออ่านไปเรื่อยๆ) หาเคล็ดลับการมีความสุขง่ายๆ กับเรื่องง่ายๆ รอบตัว

 

Mindset 

ขอบคุณที่ตัวเรามีทัศนคติที่ดีเสมอ พลังบวกจะช่วยให้เราใช้ชีวิตด้วยความหวัง เป็นสีสันมาผสมในช่วงที่มืดมน และส่งต่อพลังงานดีๆ ให้กับคนรอบข้าง พลังงานลบ + shit damn things สอนให้เราแข็งแกร่งขึ้น

 

Health

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ อย่าทำงานมากเกินไปจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง (ร่างกายเริ่มเสื่อมไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น)

 

Work

ต้นปีก่อนโควิดเราเปลี่ยนงานใหม่ การมาทำงานที่นี่เราอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าเดิมและคนมักถามเสมอว่าทำไมถึงทำแบบนั้น เรารู้ว่าเราอยากมาลองทำงานในบริษัท global และเชื่อว่าอาวุธหรือประสบการณ์ที่เราจะได้รับมันจะพาเราไปทำงานตำแหน่งที่อยากทำได้ ผลลัพธ์คือเราได้ transferrable skills และความมั่นใจนั้นจริงๆ ขณะเดียวกันคอนเนกชั่นเป็นบันไดไปสู่เป้าหมายที่อยากทำได้ 

ตอนที่ยังอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง แม้จะยังบอกไม่ได้ว่าตัวเองชอบอะไรจริงๆ ก็ไม่เคยกดดันตัวเองเลย ค่อยๆ ขีดฆ่าในตัวเลือกที่ไม่ใช่ทิ้งแค่นั้นเอง

ไม่มีงานไหนที่เราจะชอบได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตราบใดที่ไม่ใช่ธุรกิจตัวเอง เราต้องเลือกที่จะมองข้อดี-ข้อเสีย หรือมองจุดมุ่งหมาย เช่น งานนี้มีช่วงหนึ่งหัวหน้าว่า กดดัน มีปัญหาที่ทำงานเพราะเราทำพลาด ทำให้เราได้เรียนรู้คนมากขึ้น และได้รู้ว่า จงอย่าเป็นคนแบบที่เราไม่ชอบ 

เมื่อโดนว่า จงนำไปพัฒนาและปรับปรุง โยนความรู้สึกผิดทิ้งไป และแสดงความรับผิดชอบซึ่งคือการขอโทษที่ดีที่สุดในการทำงานออกไป

 

First Jobber

สำหรับเด็กจบใหม่ ความอดทน, passion, attitude สามารถเอาชนะ experience ในการสมัครงานได้ และอย่าล้มเลิกความตั้งใจในสิ่งที่อยากทำเร็วไป ถ้าไม่ได้มันอาจแค่ยังไม่ถึงเวลาของเราก็ได้ มันคุ้มค่าที่จะไปต่อและรอนะ 🙂

เมื่อไหร่ที่สิ่งที่เราทำมันมีคุณค่าและความหมาย มันเป็นอะไรที่ตีเป็นมูลค่าหรือตัวเงินไม่ได้เลย

Friends

หลังจากทำงานครบ 1 ปี พบว่ากับเพื่อนมหา’ลัย เจอกันน้อยลงแต่พยายามนัดเจอกันทุกปี แค่ไม่อยากให้พวกเขาหลุดออกจากวงกลมพิเศษนี้ เราก็แค่ยิ่งต้องรักษาความสัมพันธ์ให้ดี บทสนทนาก็คือเรื่องงานและความรัก เห็นเพื่อนๆ เริ่มเติบโต สร้างหนทางที่ตัวเองอยากเดินแล้วภูมิใจ 

ค้นพบว่าจะมีเพื่อนปริมาณน้อยลงแต่มีคุณภาพจริงๆ ซึ่งไม่มีคำจำกัดความที่จำกัดหรือไม่กล้ากำจัดออกไป แม้จะเจอกันไม่บ่อยแต่ต่อกันติดเสมอ ช่วงนี้ ‘ไม่มีกลุ่ม’ เพราะเราเป็นเพื่อนกันหมด และชอบทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ เสมอ สอนให้รู้ว่ามีคนที่เจ๋งอีกมากมายบนโลกใบนี้ เขาจะมาพร้อมกับความประหลาดที่พิเศษ แพสชั่น ความหวังดี และประสบการณ์เต็มเปี่ยม

 

Love

ความรักในปีนี้ เริ่มขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว และจบลงไปแบบงงๆ แต่มันก็สอนให้เรารู้จักกล้าเปิดรับคนใหม่ๆ กล้า take risk และผจญภัยกับความสุข, ความเสียใจ กล้าให้อภัย และมีการพัฒนา ปรับปรุงกับครั้งต่อไป 

สิ่งที่สองที่ค้นพบคือ การอยู่คนเดียวมาสักพักใหญ่ทำให้ชินกับการไม่มีใคร มีความสุขและมอบเวลาให้กับตัวเอง อิสระ… จนตอนนี้รู้สึกว่าชอบความเรียบง่ายสบายใจที่ไม่ต้องวิ่งตามใคร ชอบการเป็นตัวของตัวเองมาก

  

AUTHOR