พักใจใน Mori Natural Farm บ้านเล็กในป่าใหญ่สไตล์ญี่ปุ่น แต่สร้างจากไม้ล้านนาแต๊ๆ เจ้า

Highlights

  • Mori Natural Farm คือฟาร์มสเตย์ในตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ แม้ชื่อจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ลุคก็ดูญี่ปุ่น แต่บ้านไม้แต่ละหลังนั้นสร้างมาจากไม้เก่าที่หาได้ในภาคเหนือเกือบทั้งหมด
  • หลังจากย้ายบ้านตามแต่งานจะพาไปอยู่หลายปี เจ้าของอย่าง ปอสิทธิโชค พงศ์พฤกษา และ เมี่ยงสรัญภร พงศ์พฤกษา ตั้งใจเก็บหอมรอมริบมาซื้อที่ดินที่นี่เพื่อปลูกบ้านหลังสุดท้ายของชีวิต โดยอาศัยอยู่กับลูกๆ สี่ขาอย่างแก๊งอาคิตะตัวโต โบชิ มิกิ และฮาชิ รวมทั้งแม็กซ์ เจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์อารมณ์ดี
  • แต่จะเกษียณอายุกันเลยก็ใช่ที่ ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดฟาร์มสเตย์เพื่อหารายได้เลี้ยงตัว รวมทั้งเพื่อทำสิ่งที่รัก นั่นคือการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาต่อเติมเรื่องราวให้กับบ้านเล็กในป่าใหญ่นี้

โค้งของถนนค่อยๆ เผยให้เห็นจุดหมายปลายทางตรงหน้า เนินสีเขียวชอุ่ม แซมด้วยดอกไม้สีขาวบ้าง ชมพูบ้าง ม่วงบ้าง บ้านขนาดย่อมจำนวน 4 หลังแทรกกายอยู่อย่างสงบเงียบ จั่วหลังคาลดหลั่นความสูงตามไหล่เขา และทั้งหมดนี้มีแบ็กกราวนด์เป็นต้นไม้สูงใหญ่ Mori Natural Farm

ที่นี่คือ Mori Natural Farm บ้านน้อยในป่าใหญ่ของตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

Mori Natural Farm

mori เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ‘ป่า’ เมื่อต่อท้ายด้วยคำว่า natural และ farm เข้าไปอีก เราก็พอจะเดาได้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นยังไง ซึ่งคำอธิบายของสามีภรรยาผู้ก่อตั้งอย่าง ปอสิทธิโชค พงศ์พฤกษา และ เมี่ยงสรัญภร พงศ์พฤกษา ยืนยันว่าเราเดาถูก

“เราอยากมีบ้านที่เป็นส่วนหนึ่งของป่า เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ แล้วก็เอาสิ่งที่เราชอบใส่เข้าไป แค่นั้นแหละ” เมี่ยงผู้ดูแลสวนและอาหารการกินของที่นี่เล่าด้วยรอยยิ้ม

ปอผู้อำนวยการสร้างบ้านทุกหลังอธิบายต่อ “เราอยู่ตรงไหน เราต้องเคารพสถานที่ตรงนั้น เวลาสร้างบ้านเราก็ต้องเบลนด์ให้มันเข้ากับป่า เข้ากับธรรมชาติรอบตัว ไม่ใช่สร้างอาคารคอนกรีตโดดๆ ขึ้นมา บวกกับเราชอบไม้อยู่แล้ว ก็พยายามสร้างให้มันมีไม้ แล้วใช้วัสดุอื่นที่ไม่ใช่ไม้เท่าที่จำเป็น” 

Mori Natural Farm

คำว่า ‘ชอบไม้’ ของปอออกจะเป็นการถ่อมตัวไปเสียหน่อย เพราะแท้จริงแล้วอดีตวิศวกรไฟฟ้าอย่างเขาคลุกคลีกับงานไม้มาตั้งแต่เด็ก “คุณปู่แกเป็นช่างไม้ เราช่วยแกทำนู่นทำนี่ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สมัยก่อนไม่ได้ซื้อของเล่นหรอกนะ จะเล่นอะไรก็เอาเศษไม้มาต่อ เป็นรถบ้าง เป็นนั่นนี่บ้าง”

ทุกวันนี้ปอไม่ได้ต่อของเล่นอีกแล้ว สิ่งที่เขาต่อใหญ่กว่านั้นมาก นั่นคือ ‘ความฝัน’ และ ‘บ้าน’

ความฝันของสองสามีภรรยานั้นเรียบง่าย คือการมีบ้านให้ลงหลักปักฐานชั่วชีวิต เดิมทีปอเป็นวิศวกรไฟฟ้าผู้ย้ายถิ่นฐานตามแต่โปรเจกต์ก่อสร้างจะพาไปอยู่แล้ว เมื่อเขาได้พบรักและแต่งงานกับอดีตแอร์โฮสเตสสายการบิน JAL และเลขานุการบริษัทญี่ปุ่นอย่างเมี่ยง เธอจึงต้องย้ายบ้านตามเขาไปด้วย โดยส่วนใหญ่สถานที่ที่ทั้งคู่ไปพักพิงมักอยู่ทางภาคใต้

แต่เมื่อย้ายบ้านบ่อยเข้าเมี่ยงก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ประกอบกับเมื่อได้ดูละคร ธรณีนี่นี้ใครครอง ซึ่งมีฉากหลังเป็นทิวทัศน์อันงดงามและเงียบสงบของจังหวัดเชียงใหม่ เธอจึงใฝ่ฝันว่าการย้ายบ้านครั้งสุดท้ายในชีวิตจะเป็นการย้ายมาเชียงใหม่ เมื่อมีโอกาสเมี่ยงและปอจึงแวะเวียนไปดูที่ดินในเชียงใหม่อยู่เสมอแต่ก็ยังไม่ถูกใจ จนกระทั่งมาเจอที่นี่ในสถานการณ์ที่คล้ายเป็นพรหมลิขิต

Mori Natural Farm

“ตอนนั้นเรามาเที่ยวเชียงใหม่แล้วพักอยู่แถวนี้ ก็เลยเอาสักหน่อย ให้เพื่อนที่เป็นนายหน้าพาดูที่ เราไปดูหลายที่ ที่นี่เป็นที่สุดท้าย ซึ่งตอนแรกไม่ได้อยู่ในแพลน บังเอิญเจ้าของเขาโทรมาพอดี เพื่อนก็ยังไม่ได้ไปดูเองก่อนด้วยซ้ำ แต่เราตัดสินใจว่าถ้าอย่างนั้นไปดูพร้อมกันเลยก็แล้วกัน” เมี่ยงเล่า 

แน่นอนว่าเธอและเขาชอบที่นี่เอาเสียมากๆ และตั้งใจเก็บหอมรอมริบเพื่อซื้อที่ดินผืนนี้ โดยปอตัดสินใจหารายได้เสริมผ่านการเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบ made-to-order เปิดโอกาสให้ระหว่างนั้นเขาได้ทยอยซื้อไม้เก่าๆ เก็บไว้อีกด้วย

ธุรกิจนั้นช่วยต่อเติมฝันในการมีบ้าน ส่วนไม้ที่สะสมไว้ก็ช่วยต่อเติมบ้านขึ้นมาจริงๆ

สไตล์ญี่ปุ่น หัวใจล้านนาMori Natural Farm

ปอและเมี่ยงพาฉันเยี่ยมชมบ้านแต่ละหลังในฟาร์มสเตย์ โดยมีเจ้าแม็กซ์ สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ตัวเบิ้มเดินส่ายหางนำ 

Mori Natural Farm

เมื่อเก็บเงินได้ตามต้องการ ทั้งคู่ย้ายขึ้นมาแล้วเริ่มปลูกบ้านทีละหลังๆ เริ่มจาก บ้านโรงนา บ้านหลังใหญ่ที่สร้างจากไม้เก่าที่หาได้ในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นไม้ที่ปอทยอยซื้อเก็บไว้นั่นเอง เมื่อได้เดินดูรอบๆ ฉันชอบผนังของบ้านเป็นพิเศษเพราะมันประกอบขึ้นจากประตูและหน้าต่างบานเก่า นับเป็นเสน่ห์ที่ทำให้บ้านหลังนี้แผ่ความอบอุ่นออกมาจนรู้สึกได้ 

Mori Natural Farm

ถัดมาคือ บ้านคอตเทจ ที่คงคอนเซปต์สร้างจากไม้เก่าในพื้นที่ภาคเหนือเหมือนกัน เว้นเพียงเสาต้นหนึ่งที่เป็นไม้นางกรองจากเกาะสมุย นับเป็นตัวแทนความทรงจำยามไปทำโปรเจกต์ก่อสร้างที่นั่น จุดเด่นของบ้านพักหลังนี้คือห้องน้ำกึ่งเอาต์ดอร์ ที่กว่าจะเดินไปถึงชาวเวอร์ได้จะต้องอ้อมต้นบอนขนาดใหญ่เท่าตัวคนเสียก่อน

บ้านหลองข้าว คือบ้านหลังย่อมที่ถูกประกอบขึ้นใหม่จาก ‘หลองข้าว’ หรือยุ้งข้าวอายุร้อยกว่าปีที่ปอไปรื้อมาจากจังหวัดลำพูน พื้นที่ตรงกลางที่ในอดีตใช้สำหรับเก็บข้าว ปัจจุบันถูกปรับให้เป็นห้องนอน ส่วนระเบียงที่เคยล้อมรอบซ้ายขวาหน้าหลัง ตอนนี้ถูกปรับให้เหลือเพียงด้านหน้าเพื่อใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่น

Mori Natural Farm

ปอชี้ชวนให้ฉันดูเสาที่ทำจากไม้ประดู่ จุดเด่นของมันอยู่ที่รอยถากด้วยขวาน ทำให้เกิดลวดลายเล็กๆ ไม่เหมือนความกลมเกลี้ยงของเสาที่ถูกไสด้วยเครื่องมือแสนสะดวกสบายของโลกยุคปัจจุบัน เกร็ดความรู้เรื่องไม้ยังไม่จบแค่นั้น ปอพยักพเยิดไปทางเตียงและเดย์เบด “ไม้ไผ่ตรงนั้นทำมาจากแผงตากใบยาสูบเก่า เราซื้อมาจากชาวบ้าน ปกติแต่ละบ้านเขาจะตากใบยาสูบกัน เอาไว้สูบเองบ้าง ส่งขายบ้าง ข้อดีของมันคือพอเขาตากยาสูบมาเป็นสิบปี ความขมของยาสูบมันซึมลงไปจนมอดไม่กิน”

แพสชั่นของช่างไม้ยิ่งฉายชัดเมื่อปอพาฉันไปดู บ้านเรียวคัง บ้านสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมบ่อออนเซ็นในตัว นี่ไม้กันเกรา นั่นไม้กระพี้เขาควาย นู่นไม้สัก โน่นไม้สะเดา (“สะเดาที่คุณกินกับน้ำพริกนั่นแหละ” ปอว่า) เขาจำแนกประเภทให้ฟังโดยไม่ต้องเสียเวลาหยุดคิด 

Mori Natural Farm

Mori Natural Farm

Mori Natural Farm

“ดีไซน์เป็นสไตล์ญี่ปุ่นก็จริง แต่วัสดุที่เราใช้เป็นวัสดุพื้นบ้าน ไม่มีอะไรเป็นวัสดุญี่ปุ่นเลย” หัวหน้าช่างไม้ของที่นี่อธิบาย ก่อนชี้ไปยังคานไม้ที่รับน้ำหนักหลังคา “อ้อ แต่ตรงนั้นต่อแบบ kanawa joint นะ คนคิดวิธีนี้เป็นคนญี่ปุ่น ช่างไม้ไทยกับช่างไม้ญี่ปุ่นมีจุดที่คล้ายกันอยู่ คือคิดถึงฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลักและชอบใช้ไม้ท้องถิ่น”

Mori Natural Farm

Mori Natural Farm

เยี่ยมบ้านเพื่อนMori Natural Farm

“ที่ตั้งกว้างทำไมปลูกบ้านแค่สี่หลัง ถ้าปลูกมากกว่านี้ ก็รับแขกได้มากกว่านี้นะ” ฉันโยนคำถามให้ปอระหว่างเดินไปยังบ้านหลังใหญ่ที่สุดบนเนิน ซึ่งสร้างขึ้นเป็นหลังสุดท้ายและนับเป็นบ้านหลังสุดท้ายในชีวิตของสองสามีภรรยา

“เราไม่ได้ต้องการอย่างนั้น” เขาตอบทันที “ในหนึ่งวันเราไม่ได้อยากรับคนเยอะๆ เพราะเราเองเป็นเหมือนเจ้าของบ้าน ญาติมาเยี่ยม เพื่อนมาหา ก็ต้องคุยกัน ถ้ามีหลายหลังมันจะไม่ได้คุยกันน่ะสิ แขกที่มาที่นี่เขามีหลากหลายอาชีพ ถ้าได้คุยกันเราจะได้ความรู้ด้วย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันด้วย”

และที่ขาดไม่ได้ เมื่อมาเยี่ยมบ้านหลังนี้ ยังไงก็ต้องได้เล่นและทักทายกับลูกๆ สี่ขาของปอและเมี่ยง นอกจากเจ้าแม็กซ์ที่เราเจอไปแล้วก็ยังมีอาคิตะอีกสามตัวอย่างโบชิ มิกิ และฮาชิ

Mori Natural Farm

นอกจากนี้คอนเซปต์ ‘เยี่ยมบ้านเพื่อน’ ยังครอบคลุมถึงอาหารที่เสิร์ฟที่นี่อีกด้วย เพราะเป็นอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมดที่เมี่ยงเป็นผู้ควบคุมรสชาติและคุณภาพอย่างตั้งใจ วันที่ไปฉันได้ชิมข้าวปลาซาบะย่างซอสเทริยากิ ซึ่งบอกเลยว่าซอสเทริยากิเคี่ยวเองนั้นสุดจะหอมละมุน ส่วนกิมจิที่ดองเองก็ทำให้ข้าวหมูผัดกิมจิมีรสชาติกลมกล่อม

Mori Natural Farm

ทั้งนี้ หากใครไม่สะดวกไปนอนค้าง (หรือไม่สามารถจองได้ เพราะคิวยาวมาก!) ฉันแนะนำให้แวะไปนั่งเล่นในโซนคาเฟ่ ซึ่งมีทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ซึ่งขอแนะนำเป็นชาเขียวร้อนๆ ที่กินแล้วอบอุ่นทั้งกายและใจ

เพราะความรู้สึกที่ได้ไปเยี่ยมเยียน Mori Natural Farm ของฉันก็เป็นเช่นนั้นแหละอบอุ่นทั้งกายและใจ

Mori Natural Farm


ที่อยู่ 88/9 หมู่ 3 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

เบอร์โทรศัพท์ 081-787-8595

Facebook

*กรุณาจองล่วงหน้าก่อนเข้าใช้บริการ ทั้งโซนบ้านพักและคาเฟ่

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

อนิรุทร์ เอื้อวิทยา

นักเขียน และ ช่างภาพอิสระ ปัจจุบันชนแก้วอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่จังหวัดเชียงใหม่