‘การเติบโตเป็นผู้ใหญ่คือเรื่องยาก’ วิชาชีวิตของ ก้อย นัตตี้ ดรีม ในวัย 26 ปี

Highlights

  • จากจุดแรกเริ่มของการเป็นเพื่อนซี้ ก้อย–อรัชพร โภคินภากร, นัตตี้–นันทนัท ฐกัดกุล และ ดรีม–อภิชญา พานิชตระกูล เริ่มต้นทำช่องยูทูบ ‘GoyNattyDream Channel’ ร่วมกันเมื่อ 5 เดือนก่อน ผลงานของพวกเธอก็กลายเป็นที่พูดถึงทันทีและเติบโตอย่างรวดเร็ว และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราชวนทั้ง 3 คนมาทบทวนชีวิตพร้อมกันผ่านเว็บไซต์ที่ชื่อว่า ‘วิชาชีวิต
  • ทั้ง 3 คนบอกเราว่าการเปลี่ยนแปลงในชีวิตช่วงนี้เปรียบเหมือนการค่อยๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันเป็นเรื่องยากและเหนื่อย แต่เหนืออื่นใดพวกเธอต่างคิดว่าทั้งหมดนี้คือบทเรียนและวิชาชีวิตที่เธอได้เรียนรู้
  • ที่สำคัญคือการเติบโตไปพร้อมกับเพื่อนคือหนึ่งในสิ่งที่ก้อย นัตตี้ ดรีมต่างเห็นว่าสำคัญและอยากให้เป็นไปอีกนานๆ

ถึงนาทีนี้ แทบกลายเป็นคำติดปากเสียแล้วที่เราจะเรียกหญิงสาวทั้ง 3 คนตรงหน้าเรียงกันว่า ก้อย นัตตี้ ดรีม

จากจุดแรกเริ่มของการเป็นเพื่อนซี้ ก้อย–อรัชพร โภคินภากร, นัตตี้–นันทนัท ฐกัดกุล และ ดรีม–อภิชญา พานิชตระกูล เริ่มต้นทำช่องยูทูบ ‘GoyNattyDream Channel’ ร่วมกันเมื่อ 5 เดือนก่อน และแค่เพียงวิดีโอแรก ผลงานของพวกเธอก็กลายเป็นที่พูดถึงทันทีและเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันช่องของสามสาวมีผู้ติดตามกว่าเจ็ดแสนคนและยอดคนดูรวมทุกคลิปกว่า 50 ล้านวิวเข้าไปแล้ว

แต่ความเปลี่ยนแปลงนี่เองที่ทำให้ชีวิตในครึ่งปีหลังของพวกเธอเปลี่ยนผ่านจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราชวนทั้ง 3 คนมาทบทวนชีวิตพร้อมกันผ่านเว็บไซต์ที่ชื่อว่า ‘วิชาชีวิต

ก้อย นัตตี้ ดรีม

วิชาชีวิต คือเว็บไซต์ที่ชวนให้ผู้ใช้สำรวจตัวเองผ่านคำถามจำลองตัวเองว่ากำลังเดินทางกลับไปในอดีตพร้อมให้ขบคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา จุดตั้งต้นของการสร้างสรรค์นี้มาจากหน่วยงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับองค์กรนักเล่าเรื่องอย่าง Glow Story และ Deadline Always Exists พวกเขาตั้งต้นจากความเชื่อที่ว่าชีวิตของทุกคนล้วนมีเรื่องราวที่มีความหมายและสามารถเป็น ‘ครู’ ให้กับคนอื่นได้อีกมากมาย นั่นเองจึงเป็นที่มาของเว็บไซต์นี้ที่เชิญชวนให้คนมาตกตะกอนชีวิตพร้อมแชร์เรื่องราวเหล่านั้นให้กับผู้อื่นที่เข้ามาติดตาม

จากความตั้งใจและคอนเซปต์ที่เข้าถึงง่ายนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่เว็บไซต์นี้เปิดตัว หลายเสียงต่างพูดถึง ‘วิชาชีวิต’ กันอย่างล้นหลาม หลายคนได้แชร์ประสบการณ์และความทรงจำดีๆ กับเว็บไซต์อย่างที่ผู้จัดทำตั้งใจไว้ และเพราะความพิเศษนี้เองที่ทำให้เราเชิญ ก้อย นัตตี้ ดรีมมาตอบคำถามจาก วิชาชีวิต ไปพร้อมๆ กันแบบไม่มีสคริปต์และการเตรียมตัวล่วงหน้าใดๆ

วิชาชีวิตของทั้งสามคนคืออะไร และความเป็นเพื่อนที่แน่นแฟ้นนี้ส่งผลต่อการเติบโตของแต่ละคนไหม

ให้คำสัมภาษณ์ของ ก้อย นัตตี้ ดรีม บอกเล่า ณ บัดนี้

 

ก้อย นัตตี้ ดรีม

ปกติพวกคุณทบทวนชีวิตบ่อยไหม

นัตตี้ : เราว่าเราทำบ่อยนะ เราเป็นคนที่คุยกับตัวเองเรื่อยๆ ชอบนั่งทบทวนและถาม-ตอบกับตัวเองเสมอ

ก้อย : ก่อนหน้านี้เราก็บ่อยเหมือนตี้ แต่ช่วงหลังเราทำงานเยอะเลยไม่ค่อยมีเวลานั่งทบทวนเท่าเดิม เหมือนเราใช้ชีวิตไปโดยที่ไม่ได้ทันรู้สึกกับมันจริงๆ ดังนั้นพอได้เข้าเว็บไซต์นี้เลยเหมือนทำให้เราได้หยุดคิดทบทวนอีกครั้ง

ดรีม : ส่วนเราไม่ใช่คนที่คุยกับตัวเองเท่าไหร่ เหมือนชีวิตเรามีอะไรทำเยอะแยะไปหมดจนลืมบางอย่าง ดังนั้นพอได้เข้าเว็บไซต์เราเลยเป็นเหมือนก้อยที่ได้หยุดคิด มีสติมากขึ้นในการทบทวนที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่างกับก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ทำเท่าไหร่เลย

 

ทั้ง 3 คนตอบเหมือนกันว่าการเป็นผู้ใหญ่เป็นเรื่องยาก ทำไมถึงคิดแบบนี้

ดรีม : เราว่าการโตขึ้นน่ะไม่ยากหรอก แต่มันยากตรงที่ถ้าช่วงไหนเราไม่ได้คิดทบทวนตัวเอง เราอาจไม่รู้เลยว่าตรงไหนที่เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้ อย่างเราเองพอย้อนคิดไปถึงหลายช่วงที่ผ่านมา เราก็รู้สึกว่าตัวเองไม่น่ารักเท่าตอนเด็กๆ อะไรหลายอย่างมันเข้ามาจนทำให้บางทีเราทำตัวไม่ดีเท่าไหร่ ยิ่งพอไม่ได้หยุดคิด ความน่ารักและความสดใสที่เคยมีมันเลยน้อยลง

 

ก้อยและดรีม : (พยักหน้าเห็นด้วย)

ก้อย นัตตี้ ดรีม

แล้วถ้าให้คิดถึงวิชาชีวิตที่สำคัญที่สุด ของแต่ละคนคืออะไรบ้าง

ก้อย : ชีวิตที่ผ่านมาหรอ (นิ่งคิด) เราว่ามันสอนให้เราซื่อสัตย์กับตัวเอง ฟังตัวเองด้วยว่าต้องการอะไร หลังจากนั้นก็ใช้ใจนำเป็นหลัก

 

นัตตี้ : เราคล้ายๆ ก้อย ชีวิตที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่าต้องจริงใจกับตัวเอง เราต้องรู้ว่าความสุขของตัวเองคืออะไร เพราะถ้าเรารู้ เราค้นพบว่าหลังจากนั้นเราจะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นเยอะมาก

 

ดรีม : ส่วนเรา ชีวิตที่ผ่านมาสอนเราว่ามันจะเกิดทั้งเรื่องดีและไม่ดีในชีวิต ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้จะทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น แต่หลังจากนั้น ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะผ่านไป 

ก้อย นัตตี้ ดรีม

เห็นการเติบโตกันและกันมาหลายปี คุณเห็นอะไรบ้างจากการเติบโตของเพื่อน

ก้อย : เริ่มที่ตี้ก่อน เรารู้จักตี้มาตั้งแต่เด็กจนโตและเราว่าตี้เป็นคนซื่อสัตย์กับตัวเองอยู่แล้ว ตี้รู้ว่าจะเอาอะไรในชีวิต ดังนั้นถ้าถามถึงการเติบโตของตี้ เราว่าตี้เติบโตอย่างแข็งแรงและสม่ำเสมอเพราะตี้มีแก่นที่แข็งแรง เพราะฉะนั้นเราเลยไม่ได้เป็นห่วงมากเวลามีอะไรเข้ามากระทบตี้ ซึ่งนี่ตรงข้ามกับดรีม 

เราว่าดรีมน่ะโตเร็ว ยิ่งถ้าเทียบตอนนี้กับดรีมที่เจอในวันแรก ข้างในดรีมถือว่าเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ เพราะด้วยความที่ก่อนหน้านี้ดรีมไม่ใช่คนบู๊ เวลามีอะไรเข้ามาถาโถมดรีม ดรีมจึงผ่านมาได้พร้อมกับตัวตนที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป เราโอเคหมดกับความเปลี่ยนแปลงนั้นนะ แต่เราก็ยังเป็นห่วงดรีมอยู่

 

นัตตี้ : เหมือนกัน เราไม่ห่วงอะไรก้อยเลย ก้อยเป็นคนสู้ชีวิตและสู้คนมาโดยตลอด ดังนั้นถึงมีอะไรเข้ามาในชีวิต เราเชื่อว่าก้อยก็จะฝ่าฟันและเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและครอบครัว 

ส่วนดรีม เรารู้จักดรีมตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กมากๆ ดรีมเป็นเด็กน่ารักที่โตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ประคบประหงม แต่พอมาเจอกับเรื่องราวในชีวิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ เราก็เห็นว่าดรีมเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็คงเหมือนก้อยมั้งที่จนถึงตอนนี้เราก็ยังเป็นห่วงดรีม ทุกครั้งที่เห็นดรีมไม่มีสติเราก็ยังอยากบอกให้ดรีมคิดอะไรมากกว่านี้เพื่อทางข้างหน้าที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพราะรักน่ะแหละ

 

ดรีม : สำหรับเรา ด้วยความที่หลังๆ เราสามคนเจอกันในแง่การทำงานบ่อย เราว่ามันเห็นชัดมากๆ ว่าทุกคนโตขึ้นจริงๆ เราต่างมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะมาก และเราก็สามารถจัดการทุกอย่างได้ดี ทุกคนมีความแข็งแรงในแบบตัวเอง ซึ่งถ้าเป็นสมัยเรียน บางครั้งเราอาจหลุดได้เยอะกว่านี้ ส่วนเรื่องที่ก้อยกับตี้พูดถึงเราก็เห็นด้วย ก่อนหน้านี้เราไม่ได้เป็นคนภูมิต้านทานเยอะ เวลามีอะไรสะกิดเลยไปค่อนข้างง่าย แต่พอเจอเรื่องมากขึ้น ตอนนี้ภูมิต้านทานเราก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยแล้วนะ (ยิ้ม)

 

การเติบโตไปพร้อมกันสามคนแบบนี้มีผลดีกับคุณยังไง

ก้อย : (นิ่งคิด) เอาจริงเลยนะ พวกเราไม่ใช่คนที่จะมาพูดอะไรแบบนี้กันเยอะ แต่เราว่าการมีเพื่อนที่คอยเตือนและบอกเราให้เห็นโลกมากขึ้น เราว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก ดังนั้นเราว่ามันเป็นสิ่งที่ดี

 

ดรีม : เราก็ว่ามันดีมาก ไม่ใช่แค่กับพวกเรา แต่กับทุกคนเลย การที่มีคนที่เรารักหรือรักเรามาให้กำลังใจและคำแนะนำ เราคิดว่าลึกๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการแหละ เราเองก็ต้องการ เพราะอย่างน้อยความรู้สึกว่าเรามีคนที่แคร์และพร้อมผ่านเรื่องต่างๆ ไปพร้อมเรา เราว่ามันทำให้เราผ่านเรื่องเลวร้ายนั้นไปได้ดีขึ้น

 

นัตตี้ : เราว่าเพื่อนคล้ายเซฟโซน ในวันที่เราอ่อนแอ จริงๆ หลายครั้งเรารู้อยู่แล้วว่าเหตุผลในเรื่องนั้นๆ มันคืออะไร ต้องแก้ปัญหายังไง แต่บางครั้งอารมณ์เราก็มากเกินจนชนะเหตุผล ซึ่งในช่วงนั้นแหละที่เวลามองไปเห็นเพื่อนๆ เราจะรู้สึกว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว เรายังมีเพื่อนที่คอยซัพพอร์ตและพร้อมที่จะดึงเราขึ้น แค่ก้อยและดรีมมาแตะและบอกว่า ‘มึง ไม่เป็นไรนะ’ แค่นี้มันก็มีความหมายมากๆ สำหรับเราแล้ว

ก้อย นัตตี้ ดรีม

สุดท้ายถ้าให้ย้อนคิด คุณว่าวิชาชีวิตของเพื่อนส่งผลต่อคุณไหม ยังไงบ้าง

ก้อย : เราว่าเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่จำเป็นต้องผ่านเองน่ะ เวลาเราเห็นความเจ็บปวดหรือวิธีการผ่านชีวิตของเพื่อนที่เราไม่เคยเจอ เราก็สามารถเอามาดัดแปลงใช้ในชีวิตเราได้ 

 

ดรีม : ในเมื่อเราเกิดและโตมา เราต่างไม่ได้เจอเรื่องเหมือนกัน ต่างคนต่างก็มีเรื่องราว ดังนั้นสิ่งที่แต่ละคนได้เรียนรู้ เราว่ามันสามารถนำมาบอกต่อกันได้  คนที่ได้ฟังก็จะได้เข้าใจว่ามันคืออะไรโดยที่ไม่ต้องไปเจอเอง 

 

นัตตี้ : และสุดท้ายเราว่าสิ่งที่คนอื่นเจอมันทำให้เราเห็นใจตัวเองและเห็นใจคนอื่นมากขึ้น มี empathy มากขึ้น ซึ่งนอกจากที่ก้อยและดรีมบอก เราว่ามันทำให้เราตระหนักได้ด้วยว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้เจอเรื่องบางเรื่องอยู่คนเดียว แต่เรายังมีเพื่อนที่พร้อมผ่านทุกอย่างไปกับเราด้วย


รับชมเรื่องราวทั้งหมดในแบบภาพเคลื่อนไหวได้ที่

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก